ธ.เอไอจี เพื่อรายย่อย แถลงข่าวยืนยันฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ยอมรับกลุ่ม AIG บริษัทแม่ในสหรัฐ อัดฉีดเงิน 1.4 หมื่นล้าน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ขณะที่เงินกองทุนสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร เดือน มิ.ย.อยู่ที่ระดับ 24.81% สูงกว่าอัตราขั้นต่ำที่ ธปท.กำหนดไว้ที่ 8.5% ขณะที่สาขาสิงค์โปร์ ลูกค้ายังแห่ถอนเงิน 2 วันซ้อน
วันนี้ (18 ก.ย.) นายชาลี มาดาน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) ยืนยันความแข็งแกร่งทางธุรกิจและการสร้างผลกำไรของธนาคาร ดังจะเห็นได้จากผลกำไรในครึ่งปีแรกของปี พ.ศ.2551 จำนวน 172 ล้านบาท และสินทรัพย์ของธนาคารมีสูงถึง 23,000 ล้านบาท อีกทั้งยังให้ความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจเพิ่มเติมอีกว่า ธนาคารยังมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในการประกอบธุรกิจของธนาคาร ธนาคารมีหลักประกันที่มั่นคง ทั้งเงินสดและพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งได้ฝากไว้กับธนาคารแห่งประเทศไทย อีกทั้งการให้สินเชื่อทั้งหมดของธนาคารเป็นการให้สินเชื่อแก่ลูกค้ารายย่อยในประเทศไทยเท่านั้น
นอกเหนือจากนี้ กลุ่มบริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (AIG) พร้อมที่จะสนับสนุนเงินทุนสภาพคล่องให้แก่ธนาคารอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสภาพเงินกองทุนสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2551 อยู่ที่ระดับ 24.81% ซึ่งมากกว่าอัตราขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5%
"กลุ่ม AIG ต่างประเทศสำนักงานใหญ่ ได้ส่งเงินเข้ามาแล้วเพิ่มอีก 1.4 หมื่นล้านบาท เป็นลักษณะการทยอยเข้ามา ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับบริษัทลูก และสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า" นายชาลี มาดาน กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเอไอจี เพื่อรายย่อย กล่าวกับผู้สื่อข่าว
โดยเช้าวันนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ลูกค้าที่ทำประกันกับ AIG หลายร้อยคนยังคงแห่กันไปที่สำนักงานเอไอจี ในสิงคโปร์ เป็นวันที่ 2 ในวันนี้ เพราะไม่เชื่อมั่นในบริษัท หลังบริษัทแม่ในสหรัฐฯ ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน โดยลูกค้าบางคนต้องการยกเลิกประกันภัย หรือโครงการออมเงินที่ทำไว้กับบริษัท เนื่องจากเกรงว่าเงินที่ออมไว้จะสูญหาย