บลจ. อยุธยา ประกาศจ่ายปันผล "กองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้ระยะกลางปันผล" ในอัตราหน่วยละ0.02 บาท ในวันที่ 27 มีนาคม นี้
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้ระยะกลางปันผล (AYFMTDIV) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติจะจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชี ในวันที่ 1 ต.ค. 50– 14 มี.ค. 51 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 24 มี.ค. 51 โดยจะจ่ายเงินปันในอัตราหน่วยละ 0.20 บาทต่อหน่วยในวันที่ 27 มี.ค. 51
สำหรับผลผลตอบแทนของกองทุน ณ วันที่ 21 มีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.32% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 11.23% และผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.45% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.02% ขณะที่ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.89% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 11.32% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่3.69% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.0% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.15% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนอยู่ที่ 1571.95 ล้านบาท
ขณะเดียวกันสัดส่วนการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่29 เดือนกุมภาพันธ์ 2551 กองทุนลงทุนในตราสารภาครัฐหรือองค์กรณ์ระหว่างประเทศ ในรัฐบาลไทยคิดเป็น12.52% องค์กรภาครัฐเกาหลี 3.05% องค์กรภาครัฐเกาหลี/ The import-export bank of Korea 0.02% พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 53.94%
ทั้งนี้ กองทุน AYFMTDIV เป็นกองทุนประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่กระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะปานกลางถึงระยะยาวและส่งเสริมการลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝาก โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีความมั่นคง และมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น รวมทั้งลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และมีมูลค่ารวมกันทั้งหมดโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นอกจากนี้ กองทุน AYFMTDIV ยังลงทุนในเงินฝาก ตราสารทางการเงิน หรือตราสารหนี้ที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน โดยที่ตัวตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะปานกลางหรือระยะยาวในระดับตั้งแต่ A- ขึ้นไป หรือระยะสั้นในระดับ F2, T2 ขึ้นไป จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
รายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนเปิดอยุธยาตราสารหนี้ระยะกลางปันผล (AYFMTDIV) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติจะจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชี ในวันที่ 1 ต.ค. 50– 14 มี.ค. 51 ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 24 มี.ค. 51 โดยจะจ่ายเงินปันในอัตราหน่วยละ 0.20 บาทต่อหน่วยในวันที่ 27 มี.ค. 51
สำหรับผลผลตอบแทนของกองทุน ณ วันที่ 21 มีนาคม 2551 กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 5.32% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 11.23% และผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 3.45% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 5.02% ขณะที่ให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.89% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 11.32% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่3.69% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.0% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.71% เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 4.15% ส่วนมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนอยู่ที่ 1571.95 ล้านบาท
ขณะเดียวกันสัดส่วนการลงทุนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่29 เดือนกุมภาพันธ์ 2551 กองทุนลงทุนในตราสารภาครัฐหรือองค์กรณ์ระหว่างประเทศ ในรัฐบาลไทยคิดเป็น12.52% องค์กรภาครัฐเกาหลี 3.05% องค์กรภาครัฐเกาหลี/ The import-export bank of Korea 0.02% พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 53.94%
ทั้งนี้ กองทุน AYFMTDIV เป็นกองทุนประเภทกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป ที่กระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐานประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุน มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการออมเงินระยะปานกลางถึงระยะยาวและส่งเสริมการลงทุนในตราสารหนี้ และเงินฝาก โดยมีนโยบายการลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีความมั่นคง และมีความสามารถในการชำระดอกเบี้ยและเงินต้น รวมทั้งลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และมีมูลค่ารวมกันทั้งหมดโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
นอกจากนี้ กองทุน AYFMTDIV ยังลงทุนในเงินฝาก ตราสารทางการเงิน หรือตราสารหนี้ที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ เป็นผู้ออก หรือผู้ค้ำประกัน โดยที่ตัวตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระยะปานกลางหรือระยะยาวในระดับตั้งแต่ A- ขึ้นไป หรือระยะสั้นในระดับ F2, T2 ขึ้นไป จากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)