บลจ. มองเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังได้ผู้นำประเทศคนใหม่ จะยังไม่ดีขึ้นในช่วงระยะสั้นๆนี้ ชี้ ในช่วงระยะ 1 ปี ถึงเริ่มเห็นผลในด้านนโยบาย "ผู้บริหาร" เผย หุ้นไทยขณะนี้น่าช้อนซื้อไม่จำเป็นต้องรอจุดตํ่าสุด
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด - กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการเลือกตั้งและได้ประธานาธิดีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ในด้านนโยบายและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะตามมาหลังจากนี้ ยังไม่น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดำเนินไปอย่างเช่นปัจจุบันนี้อีกประมาณ 18 - 24 เดือน แม้ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของนาย บารัค โอบามา จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในประเทศ และน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะต่อจากนี้ไป
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่น่าจะดีขึ้น ในช่วงระยะสั้นๆนี้ ขณะเดียวกันความเสี่ยงในด้านการลงทุนจะยังคงมีอยู่ พร้อมๆกับ เศรษฐกิจที่จะมีการถดถอยลงไปเรื่อยๆจนหยุดนิ่ง โดยในภาพรวมแล้วเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯยังคงมีความผันผวนอยู่ในช่วงระยะนี้ ส่วนการที่รัฐบาลสหรัฐฯจะออกพันธบัตรรัฐบาลออกมาจำนวน 5 แสนล้านดอลลาร์นั้น ถือเป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบ ซึ่งเป็นการช่วยเศรษฐกิจได้มาก
สอดคล้องกับทางด้านของ นาย วิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด ที่ระบุว่าในช่วงประมาณ 3 เดือนแรกหลังจากสหรัฐฯได้ประธานาธิบดีคนใหม่นั้น จะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรในเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเป็นช่วงที่เข้ารับตำแหน่งและเริ่มวางแผนทางด้านเศรษฐกิจและบุคลากร แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงระยะ 6 เดือน อาจจะมีนโยบายใหม่ๆเข้ามาเสริม ซึ่งจะมีการตอบสนองในด้านนโยบายนั้นอย่างเร็วเพราะทั้ง สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา เป็นสมาชิกของพรรคเดโมแครตทั้งสิ้นซึ่งทำให้การทำงานมีเสถียรภาพมากขึ้น
"ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มเห็นการนำเอานโยบายใหม่เข้ามาใช้มากขึ้น และจะเป็นนโยบายในลักษณะของการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า" นายวิชชุ กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นทั่วโลกนั้น ในช่วงระยะนี้จะยังไม่เห็นสัญญาณหรือปัจจัยอะไรที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดหุ้นกลับขึ้นมาเติบโต โดยทิศทางของตลาดหุ้นจะยังเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นในแต่ละตัว รวมถึงตลาดหุ้นของประเทศไทยด้วย ซึ่งถือว่ายังคงมีความผันผวนอยู่ เพราะได้รับแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างขาติจำนวนมาก โดยรวมไปถึงบรรดาเฮดจ์ฟันด์ ในต่างประเทศด้วย
สำหรับในส่วนของกองทุนไทยพาณิชย์เอง ที่ได้ลงทุนในหุ้นนั้น ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน มองว่าตลาดหุ้นไทยที่ตกลงมาอย่างมากนี้ ถือว่ามีราคาถูกมาก แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะตกลงไปถึงจุดตํ่าสุดที่ระดับเท่าไร แต่ราคาหุ้นที่ตกลงมาอย่างมากในขณะนี้ถือว่าถูกมากแล้ว โดยทางบลจ. เอง ขณะนี้ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้นมากขึ้นตามปกติ
"นักลงทุนยังไม่กล้าที่เข้าช้อนซื้อในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมองว่าน่าจะตกลงไปมากกว่านี้ที่ระดับตํ่ากว่า 400 จุดถึงจะเข้าช้อนซื้อ ซึ่งมองว่าไม่จำเป็นที่จะรอให้หุ้นตกไปถึงที่ระดับนั้น " นาย วิชชุ กล่าว
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด - กองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการเลือกตั้งและได้ประธานาธิดีคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ในด้านนโยบายและความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะตามมาหลังจากนี้ ยังไม่น่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดำเนินไปอย่างเช่นปัจจุบันนี้อีกประมาณ 18 - 24 เดือน แม้ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของนาย บารัค โอบามา จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในประเทศ และน่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะต่อจากนี้ไป
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังไม่น่าจะดีขึ้น ในช่วงระยะสั้นๆนี้ ขณะเดียวกันความเสี่ยงในด้านการลงทุนจะยังคงมีอยู่ พร้อมๆกับ เศรษฐกิจที่จะมีการถดถอยลงไปเรื่อยๆจนหยุดนิ่ง โดยในภาพรวมแล้วเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐฯยังคงมีความผันผวนอยู่ในช่วงระยะนี้ ส่วนการที่รัฐบาลสหรัฐฯจะออกพันธบัตรรัฐบาลออกมาจำนวน 5 แสนล้านดอลลาร์นั้น ถือเป็นการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบ ซึ่งเป็นการช่วยเศรษฐกิจได้มาก
สอดคล้องกับทางด้านของ นาย วิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด ที่ระบุว่าในช่วงประมาณ 3 เดือนแรกหลังจากสหรัฐฯได้ประธานาธิบดีคนใหม่นั้น จะยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรในเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะเป็นช่วงที่เข้ารับตำแหน่งและเริ่มวางแผนทางด้านเศรษฐกิจและบุคลากร แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงระยะ 6 เดือน อาจจะมีนโยบายใหม่ๆเข้ามาเสริม ซึ่งจะมีการตอบสนองในด้านนโยบายนั้นอย่างเร็วเพราะทั้ง สภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา เป็นสมาชิกของพรรคเดโมแครตทั้งสิ้นซึ่งทำให้การทำงานมีเสถียรภาพมากขึ้น
"ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลัง จะเริ่มเห็นการนำเอานโยบายใหม่เข้ามาใช้มากขึ้น และจะเป็นนโยบายในลักษณะของการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า" นายวิชชุ กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของตลาดหุ้นทั่วโลกนั้น ในช่วงระยะนี้จะยังไม่เห็นสัญญาณหรือปัจจัยอะไรที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ตลาดหุ้นกลับขึ้นมาเติบโต โดยทิศทางของตลาดหุ้นจะยังเป็นไปตามปัจจัยพื้นฐานของหุ้นในแต่ละตัว รวมถึงตลาดหุ้นของประเทศไทยด้วย ซึ่งถือว่ายังคงมีความผันผวนอยู่ เพราะได้รับแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างขาติจำนวนมาก โดยรวมไปถึงบรรดาเฮดจ์ฟันด์ ในต่างประเทศด้วย
สำหรับในส่วนของกองทุนไทยพาณิชย์เอง ที่ได้ลงทุนในหุ้นนั้น ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน มองว่าตลาดหุ้นไทยที่ตกลงมาอย่างมากนี้ ถือว่ามีราคาถูกมาก แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะตกลงไปถึงจุดตํ่าสุดที่ระดับเท่าไร แต่ราคาหุ้นที่ตกลงมาอย่างมากในขณะนี้ถือว่าถูกมากแล้ว โดยทางบลจ. เอง ขณะนี้ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้นมากขึ้นตามปกติ
"นักลงทุนยังไม่กล้าที่เข้าช้อนซื้อในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมองว่าน่าจะตกลงไปมากกว่านี้ที่ระดับตํ่ากว่า 400 จุดถึงจะเข้าช้อนซื้อ ซึ่งมองว่าไม่จำเป็นที่จะรอให้หุ้นตกไปถึงที่ระดับนั้น " นาย วิชชุ กล่าว