ภาคธุรกิจสุดทนพฤติกรรม “สมัคร” พล่านเหมือนหมาบ้า วิ่งแหกปากจ้อวิทยุ-ทีวี เพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ชี้จุดจบที่สวยงามควรแสดงสปิริตมากกว่าแก้ตัว พร้อมแนะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที ก่อนประเทศชาติล่มสลายคามือรัฐบาลชั่ว
วันนี้ (4 ก.ย.) นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย กล่าวถึงการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาวิ่งรอกแก้ตัวตามสถานีวิทยุ-โทรทัศน์ตลอดทั้งวัน อาจทำให้ภาพการเมืองย่ำแย่ลง พร้อมแนะนำว่านายสมัครควรแสดงความรับผิดชอบ และพิจารณาตัวเองต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน มากกว่าการแก้ตัว โดยพูดในเรื่องเก่าๆ แค่หวังโจมตีฝ่ายตรงกันข้าม แต่กลับไม่พูดถึงการแก้ไขต้นตอแท้จริงของปัญหา
“ในมุมมองของภาคเอกชนในด้านการบริหารธุรกิจ หากบริษัทฯ ประสบกับปัญหาหรือเกิดวิกฤติในการดำเนินธุรกิจ คณะผู้บริหารไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงลงได้ ผู้บริหารจะต้องรับผิดชอบ หรือเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นดำเนินการเลือกผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาแทน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้ลุล่วงไป” นายดุสิต กล่าวและเสริมว่า
รัฐบาลควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินในทันที เนื่องจากส่งผลกระทบให้นักลงทุนต่างประเทศสูญเสียความเชื่อมั่น และทำให้เครดิตของประเทศลดลง ทั้งนี้มองว่าหากรัฐบาลยังคงปล่อยให้สถานการณ์ยืดเยื้อออกไปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
ขณะเดียวกัน นายดุสิตยังมองว่าการทำประชามติก็จะส่งผลให้ยืดเยื้อออกไปเช่นเดียวกัน และจะส่งผลกระทบให้ประเทศชาติถึงขั้นล่มสลายได้
“ปัญหาของประเทศที่เกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันจำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน แต่หากการแก้ไขปัญหาพยายามที่จะทำให้เหตุการณ์ยืดเยื้อออกไปอีกจะไม่ส่งผลดีต่อประเทศ และอาจทำให้ประเทศล่มสลายได้”
เตรียมออกอากาศ 140 สถานี โจมตีพันธมิตรฯ
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการคุยได้คุยดี ทางเอฟเอ็ม 96.5 เมกะเฮิรตซ์ ถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติจัดทำประชามติเพื่อแก้วิกฤตว่า จะใช้เวลา 30 วันในการรณรงค์ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงการลงประชามติ โดยจะออกไปพบปะพูดคุยทั้งทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ทั้ง 140 สถานีทั่วประเทศ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พระราชบัญญัติออกเสียงประชามตินั้นได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา ในวันจันทร์นี้ (8 ก.ย.) ซึ่งอยากให้ผ่านออกมาโดยเร็ว เพราะจะเป็นทางออกหนึ่งในแก้ไขวิกฤตบ้านเมือง ซึ่งช่วงนี้คงปล่อยให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลไปก่อน ยืนยันว่าตนเองรอได้ โดยขณะนี้ได้ใช้กำลังปิดล้อมไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้าไปเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่ได้รับรายงานมามีผู้ชุมนุมอยู่ประมาณ 3 พันคน
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าจะไม่มีการแก้ไขแน่นอน โดยเฉพาะในมาตรา 309 สำหรับการติดต่อกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่าอดีตนายกฯ ได้มีการส่งข้อความมาถึง แต่มีคนประสานให้ก็ได้ถามไถ่กัน และไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่ลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ