เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (15 ก.ย.) ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร การยกเลิกไปถือว่าเหมาะสม เพราะสถานการณ์บ้านเมืองไม่ได้มีปัญหามากขนาดนั้น การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถ้าไม่จำเป็นจริงไม่ควรใช้ การยกเลิกถือเป็นการดี ทั้งนี้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้ดำเนินการอยู่ ดังนั้นการจัดการคงไม่มีปัญหา
ทั้งนี้ สถานการณ์หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อถามว่า หากเกิดความวุ่นวายมากขึ้นต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ต้องมากจริงๆ แต่คิดว่าไม่น่าจะมี สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง
ส่วนที่กลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศรวมตัวครั้งใหญ่วันที่ 19 ก.ย.นี้ ทางตำรวจคงดูแลได้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมาอีก เมื่อถามถึงบุคลิกของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรเป็นอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนต้องการไม่เหมือนใคร แต่เอาจริงไม่มีอะไร 100% อย่างที่ต้องการ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของประชาชน แต่ทหารมีวินัย จะไม่พูดเรื่องนี้
"นายกฯต้องเป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้ เป็นสิ่งดีหากได้ผู้นำที่จะเข้ามาแก้ปัญหาความวุ่นวาย นายกฯ อย่าเป็นปัญหาเสียเอง คือต้องเป็นผู้เข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่มาเป็นปัญหาเสียเอง ส่วนแนวทางจะเข้ามาประสานกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อแก้ปัญหานั้น น่าจะเป็นลักษณะที่นายกฯ ยอมทั้งสองฝ่าย ปัญหาการเมืองพูดไปไม่ดี เดี๋ยวจะไปกำหนดให้ท่านอึดอัดใจ" พล.อ.บุญสร้างกล่าว
เมื่อถามว่าจะวิงวอนให้ 2 กลุ่มที่ขัดแย้งกันเลิกสร้างปัญหาความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ควรหันหน้าเข้าหากัน จะได้ไม่เป็นปัญหา ทหารจะได้ใช้เวลาในการดูแลเรื่องอื่น ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศหากได้นายกฯ ที่มาจากพรรคพลังประชาชน จะไม่ยอมรับ และไม่ยุติการชุมนุม พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คงไม่เหมาะที่ตนจะพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่าทหารจะปฏิวัตินั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า "ย้ำหลายครั้งว่าต้องใช้ปัญญา ประเทศชาติจึงจะดี" เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าฝ่ายการเมืองพยายามซื้อตัวให้ทหารออกมาปฏิวัติ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า"ทหารไม่ได้ซื้อง่าย ถ้าซื้อง่ายคงไม่ใช่ทหาร"
เมื่อถามว่า พร้อมเป็น รมว.กลาโหมหรือไม่หากฝ่ายการเมืองเชิญมา พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เขาไม่เชิญอยู่แล้ว หากเขาเชิญคงคิดดูอีกที ตอนนี้กำลังจะเกษียณ ก็ดีใจอยู่แล้ว อย่ามาทำให้เสียบรรยากาศ
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ที่จริงแล้วตอนที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่มีน้ำหนัก เป็นเรื่องของคน 2 กลุ่ม ที่เกิดการปะทะกัน และดูเหมือนว่าเป็นการเตรียมอะไรมาก่อน ดังนั้น ตอนประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก. ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยก็เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ แต่เนื่องจากคนทั่วไปไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร คิดว่าประกาศใช้ พ.ร.ก.แล้วจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่พอมีการประกาศบังคับใช้จริง กลับไม่มีผลในทางปฏิบัติ ตรงกันข้ามทำให้ทั่วโลกมองประเทศไทยว่าอยู่ในสภาวะที่วิกฤติ ดังนั้นข้อเรียกร้องของฝ่ายนักธุรกิจที่ให้ยกเลิก พ.ร.ก. ก็ถือเป็นเหตุผล ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า เมื่อแนวความคิดยกเลิกมาจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ดูแลโดยตรง ก็ถือว่ามีน้ำหนักกับคำสั่งยกเลิกดังกล่าว
ส่วนที่ว่า หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว การลงทุนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า ความเชื่อมั่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ต้องมีสิ่งอื่นมาประกอบ ประกาศเพียงแค่ฉบับเดียว อาจลดความวิตกกังวลของภาพพจน์บ้านเมืองไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องมีส่วนอื่นที่ต้องทำ ซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะเข้าใจ และแยกออกว่าสถานการณ์การเมืองของไทยเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าหลังจาก ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วอาจทำให้เกิดการปะทะกันระหว่าง กลุ่มพันธมิตรฯ และ นปช. นายชวน กล่าวว่า ความจริงแล้วไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การปะทะกันที่ผ่านมา คิดว่าอยู่ที่ว่ามีกระบวนการทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิป) ได้ยื่นเรื่องให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบว่ามี ส.ส. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการปะกันของทั้ง 2 กลุ่มหรือไม่ หากข้อเท็จจริงปรากฏออกมา เหตุการณ์ตึงเครียดก็จะเบาบางลง ต่อข้อถามว่า ทางกลุ่มนปช.ระบุว่าจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ อาจเกิดการปะทะกันอีก นายชวน กล่าวว่า การนชุมนุมสามารถทำได้หากปราศจากอาวุธ ไม่ว่าจะกลุ่มใดก็ตาม แต่หากมีการยกพวกไปตีกัน ตรงนี้ถือว่านอกเหนือการชุมนุมโดยสงบ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปดูแล
ทั้งนี้ สถานการณ์หลังยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะทหาร ตำรวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เมื่อถามว่า หากเกิดความวุ่นวายมากขึ้นต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ต้องมากจริงๆ แต่คิดว่าไม่น่าจะมี สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วง
ส่วนที่กลุ่ม แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประกาศรวมตัวครั้งใหญ่วันที่ 19 ก.ย.นี้ ทางตำรวจคงดูแลได้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ คงไม่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมาอีก เมื่อถามถึงบุคลิกของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ควรเป็นอย่างไร พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ตนต้องการไม่เหมือนใคร แต่เอาจริงไม่มีอะไร 100% อย่างที่ต้องการ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของประชาชน แต่ทหารมีวินัย จะไม่พูดเรื่องนี้
"นายกฯต้องเป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้ เป็นสิ่งดีหากได้ผู้นำที่จะเข้ามาแก้ปัญหาความวุ่นวาย นายกฯ อย่าเป็นปัญหาเสียเอง คือต้องเป็นผู้เข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่มาเป็นปัญหาเสียเอง ส่วนแนวทางจะเข้ามาประสานกับกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อแก้ปัญหานั้น น่าจะเป็นลักษณะที่นายกฯ ยอมทั้งสองฝ่าย ปัญหาการเมืองพูดไปไม่ดี เดี๋ยวจะไปกำหนดให้ท่านอึดอัดใจ" พล.อ.บุญสร้างกล่าว
เมื่อถามว่าจะวิงวอนให้ 2 กลุ่มที่ขัดแย้งกันเลิกสร้างปัญหาความวุ่นวายหรือไม่ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ควรหันหน้าเข้าหากัน จะได้ไม่เป็นปัญหา ทหารจะได้ใช้เวลาในการดูแลเรื่องอื่น ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศหากได้นายกฯ ที่มาจากพรรคพลังประชาชน จะไม่ยอมรับ และไม่ยุติการชุมนุม พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า คงไม่เหมาะที่ตนจะพูดหรือวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายเกรงว่าทหารจะปฏิวัตินั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า "ย้ำหลายครั้งว่าต้องใช้ปัญญา ประเทศชาติจึงจะดี" เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าฝ่ายการเมืองพยายามซื้อตัวให้ทหารออกมาปฏิวัติ พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า"ทหารไม่ได้ซื้อง่าย ถ้าซื้อง่ายคงไม่ใช่ทหาร"
เมื่อถามว่า พร้อมเป็น รมว.กลาโหมหรือไม่หากฝ่ายการเมืองเชิญมา พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า เขาไม่เชิญอยู่แล้ว หากเขาเชิญคงคิดดูอีกที ตอนนี้กำลังจะเกษียณ ก็ดีใจอยู่แล้ว อย่ามาทำให้เสียบรรยากาศ
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ว่า ที่จริงแล้วตอนที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ไม่มีน้ำหนัก เป็นเรื่องของคน 2 กลุ่ม ที่เกิดการปะทะกัน และดูเหมือนว่าเป็นการเตรียมอะไรมาก่อน ดังนั้น ตอนประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก. ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วยก็เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ แต่เนื่องจากคนทั่วไปไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์เป็นอย่างไร คิดว่าประกาศใช้ พ.ร.ก.แล้วจะทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่พอมีการประกาศบังคับใช้จริง กลับไม่มีผลในทางปฏิบัติ ตรงกันข้ามทำให้ทั่วโลกมองประเทศไทยว่าอยู่ในสภาวะที่วิกฤติ ดังนั้นข้อเรียกร้องของฝ่ายนักธุรกิจที่ให้ยกเลิก พ.ร.ก. ก็ถือเป็นเหตุผล ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่า เมื่อแนวความคิดยกเลิกมาจาก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ดูแลโดยตรง ก็ถือว่ามีน้ำหนักกับคำสั่งยกเลิกดังกล่าว
ส่วนที่ว่า หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว การลงทุนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า ความเชื่อมั่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันที ต้องมีสิ่งอื่นมาประกอบ ประกาศเพียงแค่ฉบับเดียว อาจลดความวิตกกังวลของภาพพจน์บ้านเมืองไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องมีส่วนอื่นที่ต้องทำ ซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วเขาจะเข้าใจ และแยกออกว่าสถานการณ์การเมืองของไทยเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่า เกรงหรือไม่ว่าหลังจาก ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วอาจทำให้เกิดการปะทะกันระหว่าง กลุ่มพันธมิตรฯ และ นปช. นายชวน กล่าวว่า ความจริงแล้วไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน การปะทะกันที่ผ่านมา คิดว่าอยู่ที่ว่ามีกระบวนการทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน (วิป) ได้ยื่นเรื่องให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบว่ามี ส.ส. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการปะกันของทั้ง 2 กลุ่มหรือไม่ หากข้อเท็จจริงปรากฏออกมา เหตุการณ์ตึงเครียดก็จะเบาบางลง ต่อข้อถามว่า ทางกลุ่มนปช.ระบุว่าจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ อาจเกิดการปะทะกันอีก นายชวน กล่าวว่า การนชุมนุมสามารถทำได้หากปราศจากอาวุธ ไม่ว่าจะกลุ่มใดก็ตาม แต่หากมีการยกพวกไปตีกัน ตรงนี้ถือว่านอกเหนือการชุมนุมโดยสงบ เจ้าหน้าที่ก็ต้องเข้าไปดูแล