พาณิชย์ เผย เงินเฟ้อเดือน ก.ค.เพิ่มขึ้น 9.2% สูงสุดรอบ 10 ปี โดยมีผลจากราคาน้ำมันเป็นหลัก ภาคเอกชนจับตาทีม ศก.ใหม่ คาดโปรดเกล้าฯ วันนี้ พลังแม้วดัน “หมอเลี๊ยบ” ผงาดคุม ศก.แบบเบ็ดเสร็จ พร้อมฉายาใหม่ 1 ในแก๊งออฟโฟร์
วันนี้ (1 ส.ค.) นางไพเราะ สุดสว่าง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดแถลงตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) หรือเงินเฟ้อในเดือน ก.ค.2551 อยู่ที่ 128.1 เพิ่มขึ้น 9.2% จากเดือน ก.ค.2550 และเพิ่ม 0.3% จากเดือน มิ.ย.2551 โดย CPI ในเดือน ก.ค.นี้ ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี
สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ก.ค.2551 อยู่ที่ 109.5 เพิ่มขึ้น 3.7% จากเดือน ก.ค.2550 และเพิ่ม 0.2% จากเดือน มิ.ย.2551 ขณะที่ช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ CPI เฉลี่ยเพิ่ม 6.6% และ Core CPI เฉลี่ยเพิ่ม 2.4%
กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า สาเหตุหลักที่อัตราเงินเฟ้อเดือน ก.ค.ที่ปรับสูงขึ้นมาก ยังเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง
สำหรับอัตราเงินเฟ้อปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า จะปรับเพิ่มในอัตราประมาณ 5.5% ตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ หลังรัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพซึ่งจะช่วยชะลอการเร่งตัวของเงินเฟ้อได้
นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อล่าสุดของเดือน ก.ค.51 ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศในวันนี้ที่ 9.2% ถือว่าต่ำกว่าประมาณการที่ ธปท.คาดไว้ เนื่องจากราคาน้ำมันต่ำกว่าสมมติฐานกรณีฐานที่ ธปท.ประเมินไว้
ธปท.ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อที่ปรับฤดูกาลแล้วในเดือนล่าสุดเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 1.4-1.5% ซึ่งนับว่าลดลงจาก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 120 กว่าดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จากสมมติฐานกรณีฐานอยู่ที่ 135 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเร่งแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจ คงต้องรอดูการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ ซึ่งคาดว่าจะได้รับโปรดเกล้าฯ ในวันนี้ ตามที่นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ ซึ่งภาคธุรกิจต่างคาดหวังให้เป็นผู้ที่สามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นขณะนี้ได้โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อหรือกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงได้
ทั้งนี้ ภาคเอกชนก็ยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ส่วนทีมเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ควรมองที่ตัวบุคคล แต่ต้องมองเป็นทีมงานที่จะผลักดันนโยบายต่างๆ มากกว่า
ด้าน นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะมีการประชุมเพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังว่าจะมีทิศทางอย่างไร เพื่อกำหนดกรอบแนวทางเสนอต่อ ครม.ชุดใหม่
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จะต้องประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อดูทิศทางภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศครึ่งปีหลังและครึ่งปีหน้า ซึ่งเห็นว่าจะต้องเร่งแก้ไขให้มีความแข็งแกร่ง
**สุชาติ-โกร่ง มาตามใบสั่ง ล้างมลทินนอมินี
ก่อนหน้านี้ นายสุชาติ ธาดาธำรงค์เวช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า ได้ตอบรับคำเชิญของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้เข้ามารับตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังแล้ว
"หมอเลี้ยบ โทร.มาว่า ให้ไปตนเองช่วยดูแลตรงนี้ หมายถึงให้เป็น รมช.คลัง ผมดูว่า ประเทศอยู่ในภาวะที่มีปัญหาเยอะ ด้านความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยทั้งหมด ทำให้ประเทศเสียโอกาส และคนไทยทั้งประเทศเสียโอกาสด้วย ก็เลยเข้าไป”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เชิญให้ นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้ามาช่วยงานในตำแหน่งประธานที่ปรึกษาคณะรัฐมนตรี โดยสามารถเข้าร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีได้ ขณะที่นายวีรพงษ์ จะไม่ขอรับเงินเดือนในตำแหน่งนี้ ขณะที่มีกระแสข่าวสะพัดว่า นพ.สุรพงษ์ จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจตัวจริงในรัฐบาลสมัคร 4
นายสุชาติ กล่าวว่า เมื่อคืนได้มีโอกาสหารือกับ นายวีรพงษ์ ถึงแนวทางการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศท่ามกลางภาวะวิกฤติราคาน้ำมันแพง และเงินเฟ้อสูง โดยเห็นว่าจะต้องพยายามรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอ และวันนี้จะเดินทางไปหารือกับผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อประสานความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วย
**เลี้ยบปิดปากเงียบ เชื่อผงาดในแก๊งออฟโฟร์จริง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กล่าวว่า ตนเองจะไม่ขอกล่าวถึงการแต่งตั้ง รมช.คลัง ที่มีกระแสข่าวว่า นายสุชาติ ธาดาธำรงค์เวช อาจารย์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง จะเข้ามารับตำแหน่ง โดยขอให้รอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งก่อน
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า นายวีรพงษ์ รามางกูร จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจให้กับคณะรัฐมนตรีนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ตำแหน่งดังกล่าวเป็นอำนาจที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้ง แต่ถือก็เป็นเรืองที่ดีหากจะมีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยให้ปรึกษาให้กับรัฐบาล เพราะบางคนอาจมีข้อจำกัดส่วนตัวที่ไม่อาจเข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีได้
“รัฐบาลเองโดยท่านนายกฯจะเรียนเชิญท่านใดที่มีความรู้ความสามารถก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี ซึ่งบางท่านเองอาจจะไม่ได้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะมีข้อจำกัดส่วนตัวบางประการ แต่การจะเข้ามาให้ข้อคิดเห็น ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดีที่จะร่วมให้คำปรึกษา หรือให้คำแนะนำได้”
นพ.สุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ในการจัดทำรายชื่อการปรับ ครม.ในส่วนของรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจในครั้งนี้นั้น นายกรัฐมนตรีได้สอบถามความเห็นของตนเองด้วย และ ยืนยันว่าการปรับ ครม.ไม่มีโควต้าในพรรค แต่นายกรัฐมนตรีพยายามคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานอยู่แล้ว
สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์กลุ่มบุคคลที่มีอิทธิพลในรัฐบาลขณะนี้ ซึ่งได้แก่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี, นายธีรชัย นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, นายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยกลุ่ม 111 รวมทั้ง นพ.สุรพงษ์ โดยให้ฉายาว่า แก๊งออฟโฟร์ นั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวในการทำงานไม่เคยติดยึดกับกลุ่ม หรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ และพร้อมจะทำงานร่วมกับทุกคน ไม่เฉพาะคนในพรรคพลังประชาชนเท่านั้น
