ยู.เอส.สัมมิท รับนโยบายตรงจากบริษัทแม่ที่อเมริกา ต้องรุกตลาดคอนซูเมอร์มากขึ้น ปั้นเพียวรีนเป็นตัวหลัก หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเดิมที่มีกลุ่มเครื่องมือแพทย์และยาเป็นพระเอก มองเห็นศักยภาพและโอกาส ชึ้ต้องสร้างนวัตกรรมเพื่อรุก พร้อมลุยมีเดียหลายรูปแบบ
นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยู.เอส.สัมมิท (โอเวอร์ซีส์) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก “เพียวรีน” เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่อเมริกาได้ให้นโยบายในการรุกตลาดคอนซูเมอร์ โดยมีผลิตภัณฑ์เพียวรีนเป็นตัวหลักมากขึ้น หลังจากที่ทำตลาดเพียวรีนในไทยมานานกว่า 16 ปีตลาดให้การตอบรับดีแต่ไม่ได้รุกตลาดมากนัก
เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นศักยภาพและโอกาสของตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในกลุ่มตลาดระดับพรีเมียมที่มีอัตราการเติบโตกว่า 10% และการแข่งขันก็ไม่รุนแรงซึ่งเพียวรีนอยู่ในระดับพรีเมียมนี้ เพราะเน้นไปที่การพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ขณะที่ตลาดระดับล่างนั้นแข่งกันทางด้านราคาอย่างรุนแรง
ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในไทย 3 กลุ่มหลัก คือ 1.ผลิตภัณฑ์ยา 2.เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 80-90% จากรายได้รวมบริษัทในปีที่แล้วที่มีประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท และ 3.กลุ่มคอนซูเมอร์ เพียวรีน มีสัดส่วนรายได้เพียง 10-20% เท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเพียวรีนมีการเติบโตประมาณ 5% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของเพียวรีนไว้ที่ 10% ส่วนตลาดรวมผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในระดับพรีเมียม คาดว่าจะเติบโต ประมาณ 5-10%
โดยบริษัทได้ปรับแผนงานจะหันมาใช้งบด้านการตลาดและการสื่อสารมากขึ้น จากเดิมที่ใช้แต่สื่อนิตยสารเกี่ยวกับแม่และเด็กเท่านั้น แต่ปีนี้และต่อไปจะขยายสื่ออื่น เช่น ทีวี อีเวนต์ มากขึ้น และในเดือนหน้าจะเปิดตัวเว็บไซต์ www.pureen.com โดยเตรียมต่อยอดทำซีเอสอาร์ และฐานสมาชิกด้วย และยังมีการใช้ลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ ก้านกล้วยด้วย ซึ่งครึ่งปีหลังนี้ตั้งงบการตลาดไว้ 10 ล้านบาท
บริษัทมีสินค้าหลายร้อยรายการ โดยมีตัวทำรายได้หลักเช่น เบาะปูรองนอน สัดส่วนรายได้กว่า 25% จากรายได้รวม จุกนมและขวดนม สัดส่วน 19% นอกจากนั้น ก็จะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากตลาดเพื่อสร้างทางเลือก โดยยึดคอนเซปต์ที่ว่า “Pureen...Thinking About Baby and You” ซึ่งล่าสุดในเดือนสิงหาคม เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ขวดนม BPA Free ซึ่งไม่มีสาร Bisphenol A ก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งออก ครีมอาบน้ำ และน้ำยาสระผมสำหรับเด็ก คิดส์โยเกิร์ต และจะมีกลิ่นใหม่ตามมาอีกในเดือนหน้า ยาสีฟันของเด็กที่มีส่วนผสมของฟูลออไรด์ ยาสีฟันสำหรับสตรีมีครรภ์ เป็นต้น
“ตลาดระดับพรีเมียมไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่าใด เพราะกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อพอสมควร โดยมีประมาณ 2,000 บาทต่อครั้งต่อคน ส่วนตลาดระดับล่างอัตราใช้จ่ายประมาณ 800 บาทต่อครั้งต่อคน แม้ว่าอัตราการเกิดของเด็กจะลดลงเหลือเฉลี่ย 700,000 คนต่อปี แต่พ่อแม่สมัยใหม่ยินดีใช้จ่ายเต็มที่กับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กให้กับลูกของตัวเองได้รับสิ่งที่มีคุณภาพ”
ทั้งนี้ บริษัทมีช่องทางจำหน่ายหลักอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะกลุ่มเดอะมอลล์มีครบทุกสาขาและครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ส่วนเซ็นทรัลมีบางสาขา ส่วนดิสเคานต์สโตร์จะมีสินค้าบางตัวจำหน่าย สัดส่วนยอดขายมาจากกรุงเทพฯ 55% ส่วนต่างจังหวัด 45%
นายวิชัย เหล่าเจริญพรกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยู.เอส.สัมมิท (โอเวอร์ซีส์) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก “เพียวรีน” เปิดเผยว่า บริษัทแม่ที่อเมริกาได้ให้นโยบายในการรุกตลาดคอนซูเมอร์ โดยมีผลิตภัณฑ์เพียวรีนเป็นตัวหลักมากขึ้น หลังจากที่ทำตลาดเพียวรีนในไทยมานานกว่า 16 ปีตลาดให้การตอบรับดีแต่ไม่ได้รุกตลาดมากนัก
เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นศักยภาพและโอกาสของตลาดผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในกลุ่มตลาดระดับพรีเมียมที่มีอัตราการเติบโตกว่า 10% และการแข่งขันก็ไม่รุนแรงซึ่งเพียวรีนอยู่ในระดับพรีเมียมนี้ เพราะเน้นไปที่การพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ขณะที่ตลาดระดับล่างนั้นแข่งกันทางด้านราคาอย่างรุนแรง
ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในไทย 3 กลุ่มหลัก คือ 1.ผลิตภัณฑ์ยา 2.เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนรายได้มากกว่า 80-90% จากรายได้รวมบริษัทในปีที่แล้วที่มีประมาณ 1,600-1,700 ล้านบาท และ 3.กลุ่มคอนซูเมอร์ เพียวรีน มีสัดส่วนรายได้เพียง 10-20% เท่านั้นเอง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเพียวรีนมีการเติบโตประมาณ 5% ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตของเพียวรีนไว้ที่ 10% ส่วนตลาดรวมผลิตภัณฑ์แม่และเด็กในระดับพรีเมียม คาดว่าจะเติบโต ประมาณ 5-10%
โดยบริษัทได้ปรับแผนงานจะหันมาใช้งบด้านการตลาดและการสื่อสารมากขึ้น จากเดิมที่ใช้แต่สื่อนิตยสารเกี่ยวกับแม่และเด็กเท่านั้น แต่ปีนี้และต่อไปจะขยายสื่ออื่น เช่น ทีวี อีเวนต์ มากขึ้น และในเดือนหน้าจะเปิดตัวเว็บไซต์ www.pureen.com โดยเตรียมต่อยอดทำซีเอสอาร์ และฐานสมาชิกด้วย และยังมีการใช้ลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ ก้านกล้วยด้วย ซึ่งครึ่งปีหลังนี้ตั้งงบการตลาดไว้ 10 ล้านบาท
บริษัทมีสินค้าหลายร้อยรายการ โดยมีตัวทำรายได้หลักเช่น เบาะปูรองนอน สัดส่วนรายได้กว่า 25% จากรายได้รวม จุกนมและขวดนม สัดส่วน 19% นอกจากนั้น ก็จะเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากตลาดเพื่อสร้างทางเลือก โดยยึดคอนเซปต์ที่ว่า “Pureen...Thinking About Baby and You” ซึ่งล่าสุดในเดือนสิงหาคม เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น ขวดนม BPA Free ซึ่งไม่มีสาร Bisphenol A ก่อนหน้านี้ ก็เพิ่งออก ครีมอาบน้ำ และน้ำยาสระผมสำหรับเด็ก คิดส์โยเกิร์ต และจะมีกลิ่นใหม่ตามมาอีกในเดือนหน้า ยาสีฟันของเด็กที่มีส่วนผสมของฟูลออไรด์ ยาสีฟันสำหรับสตรีมีครรภ์ เป็นต้น
“ตลาดระดับพรีเมียมไม่ค่อยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจเท่าใด เพราะกลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อพอสมควร โดยมีประมาณ 2,000 บาทต่อครั้งต่อคน ส่วนตลาดระดับล่างอัตราใช้จ่ายประมาณ 800 บาทต่อครั้งต่อคน แม้ว่าอัตราการเกิดของเด็กจะลดลงเหลือเฉลี่ย 700,000 คนต่อปี แต่พ่อแม่สมัยใหม่ยินดีใช้จ่ายเต็มที่กับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเด็กให้กับลูกของตัวเองได้รับสิ่งที่มีคุณภาพ”
ทั้งนี้ บริษัทมีช่องทางจำหน่ายหลักอยู่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ต โดยเฉพาะกลุ่มเดอะมอลล์มีครบทุกสาขาและครบทุกไลน์ผลิตภัณฑ์ ส่วนเซ็นทรัลมีบางสาขา ส่วนดิสเคานต์สโตร์จะมีสินค้าบางตัวจำหน่าย สัดส่วนยอดขายมาจากกรุงเทพฯ 55% ส่วนต่างจังหวัด 45%
