xs
xsm
sm
md
lg

ตรางูเทคฟาร์มาคอสเม็ทชูมัลติแบรนด์สู้ตลาดโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – อังกฤษตรางู ปรับตัวสู่โกลเบิ้ล ควบรวมฟาร์มาคอสเม็ท ดึงธุรกิจสกินแคร์ควง 2 แบรนด์ “สกาแคร์-ที ทรี” เสริมแกร่ง ธุรกิจต่อยอดจากยา เพอร์ซันนัลแคร์ ปรับโครงสร้างบริหาร-โรงงานใหม่ ตั้งเป้าปี 53 โกยรายได้ 1,800 ล้านบาท จากปีนี้ 1,100 ล้านบาท   

นายอนุรุธ ว่องวานิช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อังกฤษตรางู (แอล.พี.) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแป้งเย็นตรางู เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ควบรวมกิจการบริษัทฟาร์มาคอสเม็ท จำกัด (มหาชน)  ด้วยการซื้อหุ้น 80% จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 180 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือ 20% เป็นผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อเสริมความแข็งแกร่งและเติบโตมากขึ้น
โดยเฉพาะการขยายตลาดสู่สกินแคร์ซึ่งบริษัทฟาร์มาคอสเม็ทมีความแข็งแกร่ง จากปัจจุบันมีด้วยกัน 2 แบรนด์ ได้แก่ ที ทรี มีส่วนแบ่ง 1% ในตลาดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า และสกาแคร์ มีส่วนแบ่ง 5% ในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า  ขณะที่ปัจจุบันตรางู มีความศักยภาพในกลุ่มธุรกิจยาและของใช้ส่วนบุคคล อาทิ แป้งเย็นตรางู มีส่วนแบ่ง 24-25% สบู่ ครีมอาบน้ำ โลชั่น
ประการสำคัญช่วยเพิ่มศักยภาพรองรับการแข่งขันเวทีระดับโลก  ที่ใช้กลยุทธ์มัลติแบรนด์ในการทำตลาดมากขึ้น ซึ่งถือว่าบริษัทฟาร์มาคอสเม็ท มีความแข็งแกร่งในเรื่องดังกล่าว และนำสู่โกลเบิ้ล มาร์เก็ต จากปัจจุบัน อังกฤษตรางู ส่งออก 16 ประเทศ  มีรายได้ 120 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดรุกขยายตลาดแป้งเย็นในประเทศจีน ส่วนในอินเดียกำลังอยู่ระหว่างเจรจาหาตัวแทนจำหน่าย ขณะที่ฟาร์มาคอสเม็ทส่งออกไป 5-6 ประเทศ  
ทั้งนี้ได้ปรับโครงสร้างการบริหาร แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ บริษัท อังกฤษตรางู มุ่งเน้นการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์ยา ภายในตลาดในประเทศ ส่วนบริษัทห้างขายยาอังกฤษตางู มุ่งเน้นการขยายตลาดต่างประเทศ และรับผิดชอบการรับจ้างผลิต ส่วนบริษัท ฟาร์มาคอสเม็ท จะมีการบริหารงานอย่างอิสระจากบริษัทอังกฤษตรางู แต่จะมุ่งเน้นการทำตลาดผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ในประเทศ  ส่วนบริษัท ทีโอพี เน้นการเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สกินแคร์และผลิตภัณฑ์อาบน้ำ นอกจากนี้เตรียมปรับโรงงาน โดยจัดสรรไลน์ผลิตสินค้าที่เหมือนกันวางไว้ที่เดียวกัน อาทิ ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคล และสกินแคร์
และจะรีเฟรชแบรนด์ด้วย เป็นต้น
ท่ามกลางปัจจัยลบทั้งนอกและในประเทศ ซึ่งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง มีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งต้องพิจารณาการใช้งบอย่างรอบคอบ โดยปีนี้บริษัทอังกฤษตรางูใช้งบ 200 ล้านบาท ส่วนฟาร์มาคอสเม็ท 40-60 ล้านบาท  ตลอดจนเน้นการลดต้นทุน อย่างไรก็ตามมองว่าภาวะเศรษฐกิจไทยไม่ดีมากนัก เกิดภาวะเงินฝืด แต่มองว่าตลาดสกินแคร์และของใช้ส่วนบุคคลก็ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะผู้หญิงไทยยังห่วงเรื่องความสวยความงาม เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ และขณะเดียวกันมองว่าเป็นโอกาสในการทำตลาด โดยผู้บริโภคมีโอกาสหันมาซื้อสินค้าแบรนด์โลคัลมากกว่าสินค้าอินเตอร์แบรนด์
นายอนุรุธ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจสกินแคร์บริษัทมั่นใจว่าเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด  เมื่อเทียบกับกลุ่มยาหรือว่าของใช้ส่วนบุคคลซึ่งการแข่งขันมีความรุนแรงมากกว่า และจากการควบรวมจะผลักดันให้รายได้ในปีหน้านี้เพิ่มขึ้น 1,500 ล้านบาท จากปีนี้ 1,100 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ของใช้ส่วนบุคคล 65% และยา 30% ที่เหลือ 5% เป็นรับจ้างผลิตและส่งออก ส่วนปี 2553 เพิ่มเป็น 1,800 ล้านบาท   
นายวิสาร องค์วรรณดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟาร์มาคอสเม็ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทจะดำเนินการตลาดโดยเน้นการสร้างแบรนด์กลุ่มผลิตภัณฑ์ที ทรี โดยมุ่งเน้นการสื่อสารด้านฟังก์ชันนัล สร้างความต่างจากคู่แข่งที่เน้นขยายอีโมชัน เตรียมปรับบรรจุภัณฑ์ให้มีความทันสมัย เตรียมขยายโปรดักส์ไลน์ใหม่ในกลุ่มสกินแคร์ โดยจากการควบรวบในครั้งนี้บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโต 10%  จากรายได้ปีนี้ 500 ล้านบาท แบ่ง เป็น สกาแคร์ 60% และทีทรี 40%
กำลังโหลดความคิดเห็น