นักลงทุนตื่นรายงานทางการระบุ เศรษฐกิจครึ่งปีแรกเซี่ยงไฮ้ชะลอตัวที่ 10.3% เนื่องจากรัฐบาลผุดนโยบายคุมเข้มการส่งออก ทำดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ร่วง 3.43%
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากทางการจีนได้ออกมาประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเมืองเซี่ยงไฮ้ว่า ชะลอตัวอยู่ที่ 10.3% ตกจาก 13% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพซิทร่วงลงถึง 3.43% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 75,200 ล้านหยวน (11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
โดยหม่า จวิ้น นักเศรษฐศาสตร์จากดอยช์ แบงก์แสดงความเห็นต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า “ช่วงครึ่งปีแรกปริมาณการส่งออกสินค้าของจีนเริ่มชะลอตัว อันสืบเนื่องจากนโยบายควบคุมการส่งออกต่างๆ ของรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจของเมืองชายฝั่งทะเลที่พึ่งพาการส่งออก เช่น เซี่ยงไฮ้ ขยายตัวช้าลง แม้ว่าเซี่ยงไฮ้จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของประเทศจีน แต่ก็กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ รุมเร้าไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ แรงงาน และมาตรการควบคุมมลพิษพุ่งสูง อีกทั้งปัญหาเงินเฟ้อ เงินหยวนแข็งค่า และการสูญเสียจากเหตุแผ่นดินไหวและพายุหิมะเมื่อเร็วๆ นี้” ซึ่งปัญหาข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหวังว่า ในอนาคตทางการจีนจะออกนโยบายคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกบางรายการ และลดหย่อนภาษีให้แก่บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อช่วยลดวิกฤตในกลุ่มผู้ส่งออกและผู้ผลิต
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคาดการณ์ว่า ภายหลังจากโอลิมปิกปักกิ่งเสร็จสิ้นแล้ว ในเดือนกันยายนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อาจจะร่วงกราวรูดด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ครึ่งปีแรกของทั้งประเทศจีนชะลอตัวอยู่ที่ 10.4% ก็ได้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นจีนปิดตลาดลดลง 0.78% เช่นกัน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโปซิทปิดตลาดร่วงลง 21.09 จุด แตะ 2,684.78 มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 51,500 ล้านหยวน (7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ดัชนีหุ้นกระดานเอของตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นตกลง 8.11 จุด หรือ 0.96% มาอยู่ที่ 839.06 มูลค่าการซื้อขายแตะ 28,700 ล้านหยวน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากทางการจีนได้ออกมาประกาศตัวเลขเศรษฐกิจเมืองเซี่ยงไฮ้ว่า ชะลอตัวอยู่ที่ 10.3% ตกจาก 13% ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ได้ส่งผลกระทบให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพซิทร่วงลงถึง 3.43% มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 75,200 ล้านหยวน (11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ)
โดยหม่า จวิ้น นักเศรษฐศาสตร์จากดอยช์ แบงก์แสดงความเห็นต่อปรากฏการณ์ดังกล่าวว่า “ช่วงครึ่งปีแรกปริมาณการส่งออกสินค้าของจีนเริ่มชะลอตัว อันสืบเนื่องจากนโยบายควบคุมการส่งออกต่างๆ ของรัฐบาล ส่งผลให้เศรษฐกิจของเมืองชายฝั่งทะเลที่พึ่งพาการส่งออก เช่น เซี่ยงไฮ้ ขยายตัวช้าลง แม้ว่าเซี่ยงไฮ้จะเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของประเทศจีน แต่ก็กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆ รุมเร้าไม่ว่าจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ แรงงาน และมาตรการควบคุมมลพิษพุ่งสูง อีกทั้งปัญหาเงินเฟ้อ เงินหยวนแข็งค่า และการสูญเสียจากเหตุแผ่นดินไหวและพายุหิมะเมื่อเร็วๆ นี้” ซึ่งปัญหาข้างต้นล้วนเป็นปัจจัยบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เชี่ยวชาญหวังว่า ในอนาคตทางการจีนจะออกนโยบายคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าส่งออกบางรายการ และลดหย่อนภาษีให้แก่บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อช่วยลดวิกฤตในกลุ่มผู้ส่งออกและผู้ผลิต
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังคาดการณ์ว่า ภายหลังจากโอลิมปิกปักกิ่งเสร็จสิ้นแล้ว ในเดือนกันยายนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อาจจะร่วงกราวรูดด้วย
ขณะเดียวกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ครึ่งปีแรกของทั้งประเทศจีนชะลอตัวอยู่ที่ 10.4% ก็ได้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นจีนปิดตลาดลดลง 0.78% เช่นกัน โดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโปซิทปิดตลาดร่วงลง 21.09 จุด แตะ 2,684.78 มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 51,500 ล้านหยวน (7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) ขณะที่ดัชนีหุ้นกระดานเอของตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นตกลง 8.11 จุด หรือ 0.96% มาอยู่ที่ 839.06 มูลค่าการซื้อขายแตะ 28,700 ล้านหยวน