xs
xsm
sm
md
lg

ซิงเกอร์พบฟ้าใหม่กำไร10ล. โวปีนี้ล้างตัวแดงสะสม1.7พันล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ซิงเกอร์โวลั่น ปรับหางเสือเดินมาถูกทาง ดันกำไร 10 ล้านบาท เป็นครั้งแรกในไตรมาสที่หนึ่งปี 2551 นี้ หลังเผชิญภาวะขาดทุนสะสมกว่า 1,700 ล้านบาทมานาน ลั่นปีนี้ล้างขาดทุนสะสมหมดแน่ ด้านบัญชีเช่าซื้อจักรยานยนต์คาดอีก 2 ปีเคลียร์หมดแน่ พร้อมเดินหน้าตลาดรีเพลซเม้นท์เต็มเหนี่ยว

นายดาเนียล ไมเคิล ฟิลิโปเนท์ รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับกลยุทธ์และทิศทางของบริษัทฯเดินมาถูกทางแล้ว จากการที่หันกลับมามุ่งตลาดการให้เช่าเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่ถนัด และตัดสินค้าที่ไม่ถนัดออกไปคือ รถมอเตอร์ไซค์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาสแรกปีนี้เห็นภาพความสำเร็จที่ชัดเจนมากขึ้น

โดยบริษัทฯมีเป้าหมายระยะยาวที่จะกลับไปสู่ผลประกอบการที่รายรับเกือบ 10,000 ล้านบาท โตประมาณ 30% ต่อปีโดยเฉลี่ยให้เหมือนในอดีตที่เคยทำมาแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาอาจจะ 10 ปี แต่เป้าหมายระยะสั้นในช่วง 1-2 ปีนี้คือ การผลักดันยอดรายได้รวมให้ได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ขณะที่คาดว่าจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่เหลือยู่ 20 กว่าล้านบาทได้ภายในปีนี้ โดยจะให้ความสำคัญกับตลาดรีเพลซเม้นท์เป็นหลัก หรือตลาดทดแทนที่เป็นตลาดใหญ่

ทั้งนี้บริษัทฯมีผลประกอบการที่ขาดทุนสะสมมาตลอดตั้งต่ ปี 2549 ขาดทุน 1,233 ล้านบาท ส่วนปี 2550 ขาดทุนเหลือ 502 ล้านบาท แต่ไตรมาสแรกปีนี้กลับดีขึ้นและมีกำไรด้วย อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทฯก็ยังมีกำไรสะสมอยู่ประมาณ 1,700 ล้านบาท ดังนั้นเมื่อรวมๆแล้วจึงเหลือขาดทุนสะสมอีกเล็กน้อยเท่านั้นเองมั่นใจว่าจะสามารถล้างขาดทุนได้หมดในปีนี้

สำหรับผลประกอบการของไตรมาสแรกปี 2551 มีรายได้ 59.4 ล้านบาท ลดลง 20.6% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มี 755.3 ล้านบาท เนื่องจากยอดขายรถจักรยานยนต์ที่ลดลง 76.3% แต่ทั้งนี้บริษัทฯกลับมีกำไร 10.5 ล้านบาท จากเดิมที่ช่วงเดียวกันปีที่แล้วยังขาดทนสูงถึง 196.5 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนที่สูงขึ้นอีก 35.7 ล้านบาท หรือ 9.1% โดยสัดส่วนลูกค้าเงินสดมีเพียง 5% แต่เป็นลูกค้าเงินผ่อนสูงถึง 95%

ส่วนยอดบัญชีของบริษัทฯ จากการเข้มงวดในการปล่อยเชื้อและการเรียกเก็บค่างวด ส่งผลให้มียอดบัญชีเช่าซื้ออยู่ที่ 220,904 บัญชี ณ วันที่ 31 มีนาคม 251 ลดลงจากเดิมที่มี 230,957 บัญชีเมื่อสิ้นปี 2550 ขณะที่ยอดบัญชีของการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์นั้นสิ้นสุดไตรมาสแรกปี 2551 อยู่ที่ 40,388 บัญชี จากเดิมช่วงเดียวกันปีที่แล้วอยู่ที่ 75,077 บัญชี คาดว่าอีกอย่างน้อย 2 ปีจึงจะหมดได้ โดยจำนวนรถจักรยานยนต์ที่ใช้แล้วเหลืออยู่ในสต๊อคเพียง 3,503 คัน ขณะที่อัตราการเก็บเงินซึ่งคำนวนจากบัญชีชำระต่อจำนวนบัญชีเช่าซื้อทั้งหมดเพิ่มขึ้น 2.7%

การที่ลดความสำคัญของตลาดจักรยานยนต์นั้น ทำให้สัดส่วนยอดขายตามประเภทสินค้าเปลี่ยนไป เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2550 กับ 2551 คือ จักรเย็บผ้าจาก 4% เพิ่มเป็น 5% ตู้เย็นจาก 21% เพิ่มเป็น 35% เครื่องซักผ้าจาก 18% เพิ่มเป็น 27% โทรทัศน์สี 13% เท่าเดิม เครื่องปรับอากาศจาก 2% เพิ่มเป็น 4% ส่วนจักรยานยนต์จาก 30% เหลือแค่ 9% อื่นๆจาก 12% เหลือ 7%

นายดาเนียลกล่าวต่อว่า การที่มุ่งเน้นตลาดทดแทนหรือการเทิร์นนั้น ที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ประสบความสำเร็จอย่างมากโดยที่ผ่านมาเริ่มมีสัดส่วนของลูกค้าที่เข้ามาแบบรีเพลสเม้นท์แล้วมากกว่า 40%

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องนั้น นายดาเนียลยอมรับว่า มีผลกระทบต่อบริษัทฯบ้างเล็กน้อย เนื่องจากซิงเกอร์เป็นธุรกิจที่พนักงานขายซึ่งมีกว่า 5,000 คน ต้องออกเดินทางพบปะลูกค้าตลอดเวลา บริษัทฯช่วยเหลือด้านการเพิ่มค่าน้ำมันให้เป็นรายเดือนโดยดูจากยอดขายโดยให้เป็นตามขั้นบันได ขณะที่ปัญหาทางด้านการเมืองหรือการชุมนุมนั้น กระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ยังมีปัจจัยบวกอยู่ตรงที่ลูกค้าหลักของซิงเกอร์คือ เกษตรกร ชาวไร่ชาวนา ในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้นส่งผลให้กลุ่มคนเหล่านี้มีรายได้สูงขึ้น

กลุ่มลูกค้าของซิงเกอร์แยกเป็นสัดส่วนตามรายได้ต่อเดือนได้ดังนี้ รายได้ต่ำกว่า 5,500 บาท จำนวน 53.8% รายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทจำนวน 27.2% ซึ่งเป็น 2 กลุ่มลูกค้าหลัก นอกนั้นก็เป็นลูกค้ารองเช่น รายได้มากกว่า 30,000 บาท จำนวน 2.2% รายได้ 20,000-30,000 บาท จำนวน 4.2% รายได้ 10,000-15,000 บาท จำนวน 7.8%

หากแยกสัดส่วนลูกค้าออกเป็นพื้นที่ตามภูมิภาค จะพบว่า พื้นที่สัดส่วนลูกค้ามากที่สุดคือ ภาคตะวันออก ประมาณ 38.45% รองมาคือ ภาคกลาง 36.10% ภาคเหนือ 18% น้อยที่สุดคือ ภาคใต้ 7.97%

นายบุญยง ตันสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า แผนครึ่งปีหลังจะเน้นกลยุทธ์ 6P คือ Product Price Place Promotion People Partnership และสานต่อการทำเทิร์นสินค้าทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ทุกประเภท ตั้งเป้าหมายเพิ่มพนักงานขายระดับผู้จัดการหน่วยจาก 3 หน่วยต่อสาขา เป็น 5 หน่วยต่อสาขา และสร้างเครือข่ายให้ครบ 10,000 คนในอีก 2 ปี พร้อมใช้งบตลาด 10 ล้านบาท เปิดตัวหนังโฆษณาชุดใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น