ซิงเกอร์ปรับทีมผู้บริหารใหม่ ร่วมฝ่าวิกฤตพิษแฮมเบอร์เกอร์ ชูจุดแข็งหน่วยรถเดินตลาดร่วม 700 คัน มุ่งการตลาดแบบเคาะประตู เชื่อ ปีนี้เป็นปีแรกที่จะฟื้นกำไรในรอบ 3 ปี
นายบุญยง ตันสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงใหม่ทั้งทีม โดยตนจากเดิมเป็นผู้อำนวยการด้านการขายและการตลาด เป็นรองกรรมการผู้จัดการ และได้ นายคณิศร นุชนาฏ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดแทน พร้อมการเปลี่ยนแปลงใหม่อีก 2 ตำแหน่งใหญ่ ทั้งฝ่ายสินเชื่อและบัญชี ซึ่งผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ครั้งนี้ มีทั้งคนเดิมที่เคยร่วมงานและร่วมฝ่าวิฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และบุคลากรที่มีความสามารถและทำงานร่วมกันมาอยู่ก่อนแล้ว
“เนื่องจากมองว่า จากการที่บริษัทสะดุดแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังเข้าไปรุกธุรกิจผ่อนชำระรถจักรยานยนต์ จนทำให้เกิดหนี้สูญ และเกิดภาวะการขาดทุนมาจนถึงปีก่อน แต่ทางบริษัทก็ได้มีการปรับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ปีนี้จึงน่าจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรากหญ้า ต่างจังหวัด ระดับซีและดี มีฐานเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท รวมถึงการจัดการและการบริหารที่ดี”
ปีนี้บริษัทได้ปรับการดำเนินธุรกิจใหม่ เน้นตลาดแบบเคาะประตูบ้าน ผ่านหน่วยรถเดินตลาดกว่า 600 คน ทุ่มงบ 40 ล้านบาท ช่วยเหลือเรื่องค่าน้ำมัน มาเช่าซื้อรถเพิ่มอีก 100 คน รวมปีนี้มีถึง 700 คัน โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าต่อเดือน แต่ละทีมจะต้องมียอดขายที่ 4 แสนบาท
พร้อมทั้งกิจกรรมทางการตลาดด้วยงบ 110 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจะเน้นการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายเป็นหลัก คาดว่า ปีนี้ยอดขายจะเท่าปี 2551 ที่ทำได้ถึง 2,355.36 ล้านบาท หนี้คงเหลือ 82 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 3 ปี โดยตั้งเป้าหมายกำไรไว้ที่ตัวเลข 2 หลัก
ล่าสุด จัดแคมเปญรับเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท สามารถนำมารับสิทธิ์ซื้อสินค้าจากทางซิงเกอร์ มั่นใจว่า จะมีผู้เข้ามาร่วมแคมเปญประมาณ 3 หมื่นใบ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท หรือในช่วง 2 เดือนภายหลังจากที่เช็คถึงมือประชาชนแล้ว บริษัทน่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นเฉลี่ย 10% จากช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มียอดขายสูงกว่า 100 ล้านบาทได้
นายบุญยง กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้มองว่ากลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน มูลค่า 5,000 ล้านบาท น่าจะเติบโตลดลงราว 10% ส่วนกลุ่มเอวี หรือกลุ่มภาพและเสียงน่าจะตกลงถึง 15% ขณะที่เมื่อแยกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเอชเอแบบระบบผ่อนชำระระดับกลุ่มรากหญ้าแล้ว ซิงเกอร์เป็นผู้นำตลาดนี้ประมาณ 90% และไมด้า 10% ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระนั้น มีสัดส่วนเท่าไหร่ใน 5,000 ล้านบาท ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
นายบุญยง ตันสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงใหม่ทั้งทีม โดยตนจากเดิมเป็นผู้อำนวยการด้านการขายและการตลาด เป็นรองกรรมการผู้จัดการ และได้ นายคณิศร นุชนาฏ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดแทน พร้อมการเปลี่ยนแปลงใหม่อีก 2 ตำแหน่งใหญ่ ทั้งฝ่ายสินเชื่อและบัญชี ซึ่งผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ครั้งนี้ มีทั้งคนเดิมที่เคยร่วมงานและร่วมฝ่าวิฤตเศรษฐกิจในปี 2540 และบุคลากรที่มีความสามารถและทำงานร่วมกันมาอยู่ก่อนแล้ว
“เนื่องจากมองว่า จากการที่บริษัทสะดุดแผนการดำเนินธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังเข้าไปรุกธุรกิจผ่อนชำระรถจักรยานยนต์ จนทำให้เกิดหนี้สูญ และเกิดภาวะการขาดทุนมาจนถึงปีก่อน แต่ทางบริษัทก็ได้มีการปรับการทำงานให้มีประสิทธิภาพ ปีนี้จึงน่าจะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาพรวมเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรากหญ้า ต่างจังหวัด ระดับซีและดี มีฐานเงินเดือนไม่ถึง 10,000 บาท รวมถึงการจัดการและการบริหารที่ดี”
ปีนี้บริษัทได้ปรับการดำเนินธุรกิจใหม่ เน้นตลาดแบบเคาะประตูบ้าน ผ่านหน่วยรถเดินตลาดกว่า 600 คน ทุ่มงบ 40 ล้านบาท ช่วยเหลือเรื่องค่าน้ำมัน มาเช่าซื้อรถเพิ่มอีก 100 คน รวมปีนี้มีถึง 700 คัน โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าต่อเดือน แต่ละทีมจะต้องมียอดขายที่ 4 แสนบาท
พร้อมทั้งกิจกรรมทางการตลาดด้วยงบ 110 ล้านบาท ครึ่งปีหลังจะเน้นการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขายเป็นหลัก คาดว่า ปีนี้ยอดขายจะเท่าปี 2551 ที่ทำได้ถึง 2,355.36 ล้านบาท หนี้คงเหลือ 82 ล้านบาท ซึ่งปีนี้จะเป็นปีแรกที่บริษัทจะกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 3 ปี โดยตั้งเป้าหมายกำไรไว้ที่ตัวเลข 2 หลัก
ล่าสุด จัดแคมเปญรับเช็คช่วยชาติ 2,000 บาท สามารถนำมารับสิทธิ์ซื้อสินค้าจากทางซิงเกอร์ มั่นใจว่า จะมีผู้เข้ามาร่วมแคมเปญประมาณ 3 หมื่นใบ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท หรือในช่วง 2 เดือนภายหลังจากที่เช็คถึงมือประชาชนแล้ว บริษัทน่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นเฉลี่ย 10% จากช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มียอดขายสูงกว่า 100 ล้านบาทได้
นายบุญยง กล่าวต่อว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 10,000 ล้านบาท ปีนี้มองว่ากลุ่มเอชเอ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน มูลค่า 5,000 ล้านบาท น่าจะเติบโตลดลงราว 10% ส่วนกลุ่มเอวี หรือกลุ่มภาพและเสียงน่าจะตกลงถึง 15% ขณะที่เมื่อแยกตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเอชเอแบบระบบผ่อนชำระระดับกลุ่มรากหญ้าแล้ว ซิงเกอร์เป็นผู้นำตลาดนี้ประมาณ 90% และไมด้า 10% ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระนั้น มีสัดส่วนเท่าไหร่ใน 5,000 ล้านบาท ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
