xs
xsm
sm
md
lg

โบรกฯ ชี้หุ้นพรุ่งนี้หลุด 800 จุด คาดเงินเฟ้อ Q3 แนวโน้มแตะ 10%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกฯ มองเงินเฟ้อล่าสุด 7.6% สูงเกินที่คาดไว้ กดตลาดหุ้นร่วงต่อ พรุ่งนี้ แนวโน้มหลุด 800 จุด ชี้ราคาสินค้าอีกหลายตัวรอขยับขึ้น คาดไตรมาส 3 มีโอกาสแตะ 10% คาดแบงก์ชาติกำลังตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก โดนกับดักเครื่องมือทางการเงินพัธนาการ

วันนี้(2 มิ.ย.) นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย กล่าวถึงตัวเลขอัตราเงินเฟ้องวดเดือน พ.ค.ที่ขยายตัวถึง 7.6% เป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ถือว่าสูงเกินกว่าที่คาดไว้มาก เพราะคาดหมายว่าจะอยู่ที่ 6% ปลายๆ ไม่คิดว่าจะสูงจนทะลุ 7% ดังนั้น คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้ (3 มิ.ย.) จะปรับตัวลงต่อแน่ รับผลกระทบจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงมาก และยังมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นไปอีก

สำหรับเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมากในเดือนพ.ค.เป็นผลจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน , ค่าโดยสาร , ค่าแรงงาน ซึ่งหลายๆ อย่างได้มีการปรับราคาขึ้นในช่วงเดือน พ.ค. แต่ก็ยังมีสินค้าจำนวนมากที่ยังรอการปรับขึ้นราคาอยู่ จึงน่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไปมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปอีกจนกระทั่งแตะจุดสูงสุดในไตรมาส 3/51 ใกล้ระดับ 10%

"นี่ยังไม่จบนะ เพราะยังมีสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากพวกนี้ด้วย ที่ยังไม่ได้ขึ้น อย่างสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำตาลที่เพิ่มสูงขึ้นก็ยังไม่ได้ปรับขึ้นราคา ผลกระทบจากราคาน้ำมันหลาย ๆ อันที่ยังไม่ได้ขึ้น ถูกดึงไว้ ก็คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อไปถึงเดือน มิ.ย. และเดือน ก.ค.ต่อไปเรื่อยๆ แล้วทำท่าว่า อาจจะไป peak ในช่วงไตรมาส 3/51 มองไปเรื่อยๆ ตัวเลขเงินเฟ้อน่าจะสูงกว่านี้ได้อีก อาจะใกล้ระดับ 10% เนื่องจากไปดูตัวเลข PPI ได้ขึ้นไปเกิน 10% มาหลายเดือนแล้ว แล้วปกติ CPI จะวิ่งตาม PPI"

นายกวี กล่าวอีกว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นมากนี้น่าจะเป็นปัจจัยลบ เพราะว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะกำหนดนโยบายการเงินได้ลำบากมากขึ้น เนื่องจากหากจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยก็จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวไปอีก ส่วนจะปล่อยให้เงินบาทแข็งค่า เพื่อชะลอเงินเฟ้อ ก็ช่วยได้เพียงระดับหนึ่ง แต่ก็มีผลกระทบกระเทือนไปที่ภาคการส่งออกอีก

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.บีฟิท ให้ความเห็นว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งสูงถึง 7.6% สูงสุดตั้งแต่ปี 1999 และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ปี เป็นแรงผลักดันจากราคาพลังงานและอาหารทำให้เงินเฟ้อที่ออกมาพุ่งสูงขึ้นค่อนข้างมาก

จุดนี้จะเป็นตัวที่กลับมากดดันทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพ (BBL) นำร่องประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ขึ้นไปแล้ว ซึ่งเป็นการ lead ดอกเบี้ยนโยบาย(R/P) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งตอนนี้ตลาดเงินคาดการณ์กันว่าเมื่อธนาคารขนาดใหญ่ขยับก่อน ธปท.เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่าทิศทางดอกเบี้ยน่าจะพลิกกลับมาเป็นขาขึ้น

หากอ้างอิงจากเงินเฟ้อ โดยปกติอัตราดอกเบี้ยมักจะต้องอยู่ระดับที่เหนือเงินเฟ้อเพื่อที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่ติดลบ แปลว่าช่องทาง(room) ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยยังปรับขึ้นได้อีกมาก ทำให้มีความกังวลในเรื่องนี้ค่อนข้างมากพอสมควร

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นปัจจัยหลักเป็นเรื่องของการเมือง ส่วนตัวเลขเหล่านี้เป็นตัวที่เสริมเข้ามาช่วยกดดันเพิ่มขึ้น ทิศทางตลาดช่วงนี้เท่าที่ดูยังไม่เห็นปัจจัยบวกอะไร อาจทำให้ตลาดอ่อนตัวลงมาที่แนวรับจิตวิทยาที่ 800 จุดหรืออาจจะลงมาต่ำกว่านั้นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น