“หมอเลี้ยบ” มั่นใจ ศก.ไทย ครึ่งปีหลังยังเติบโตสูงกว่าเงินเฟ้อ นัดหารือ 5 หน่วยงาน เตรียมคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล็อตใหญ่ หลังราคาน้ำมันขยับสูงเกินสมมติฐานที่ตั้งไว้ 120 ดอลลาร์/บาเรล
วันนี้ (20 พ.ค.) นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมด่วน 5 หน่วยงานเศรษฐกิจ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), สำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อหารือเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เดิมตั้งใจจะใช้ในช่วงครึ่งปีหลังมาเร่งใช้ช่วงนี้แทน เพื่อให้ทันกับสภาพเศรษฐกิจที่ปรับเปลี่ยนไป
“ปัจจัยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากเคยประเมิน 120 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่พบว่า ขณะนี้เพิ่มเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ดังนั้น หากรัฐมีมาตรการเสริมออกมา ก็จะเรียกความเชื่อมั่นคืนมาได้ และคาดว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2-4 นั้นจะยังคงเติบโตได้ 6% มากกว่าเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยไม่ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจฟุบและภาวะเงินเฟ้อ” นพ.สุรพงษ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
“ผมเตรียมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยจะทยอยออกมาอีก ส่วนหนึ่งเป็นการเร่งรัดแต่เดิมที่จะทำในช่วงครึ่งปีหลังมาทำให้เร็วขึ้น เป็นมาตรการชุดใหญ่หลายชุด”
โดยเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งครอบคลุมถึงการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์, การยืดเวลาลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทจดทะเบียน และยังอนุมัติงบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
สำหรับการเร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 9 สายนั้น ขณะนี้มูลค่าการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนล้านบาท จากเมื่อ 3 ปีก่อนอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท จากผลกระทบปัจจัยหลายด้าน ดังนั้น ทางกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ รวมทั้งกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างร่วมกันพิจารณา เพื่อสะท้อนความเป็นจริงของต้นทุนการก่อสร้าง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่สามารถหาผู้รับเหมาได้ อย่างไรก็ตาม ราคาก่อสร้างจะเพิ่มเท่าใดยังไม่มีข้อสรุป
วันนี้ (20 พ.ค.) นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมด่วน 5 หน่วยงานเศรษฐกิจ ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), สำนักงบประมาณ, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อหารือเร่งรัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เดิมตั้งใจจะใช้ในช่วงครึ่งปีหลังมาเร่งใช้ช่วงนี้แทน เพื่อให้ทันกับสภาพเศรษฐกิจที่ปรับเปลี่ยนไป
“ปัจจัยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากเคยประเมิน 120 ดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่พบว่า ขณะนี้เพิ่มเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ดังนั้น หากรัฐมีมาตรการเสริมออกมา ก็จะเรียกความเชื่อมั่นคืนมาได้ และคาดว่า เศรษฐกิจไตรมาส 2-4 นั้นจะยังคงเติบโตได้ 6% มากกว่าเงินเฟ้อ ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจไทยไม่ตกอยู่ในภาวะเศรษฐกิจฟุบและภาวะเงินเฟ้อ” นพ.สุรพงษ์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า
“ผมเตรียมที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยจะทยอยออกมาอีก ส่วนหนึ่งเป็นการเร่งรัดแต่เดิมที่จะทำในช่วงครึ่งปีหลังมาทำให้เร็วขึ้น เป็นมาตรการชุดใหญ่หลายชุด”
โดยเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลประกาศมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งครอบคลุมถึงการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์, การยืดเวลาลดภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับบริษัทจดทะเบียน และยังอนุมัติงบประมาณกว่าหมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชน (SML) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
สำหรับการเร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 9 สายนั้น ขณะนี้มูลค่าการก่อสร้างปรับเพิ่มขึ้นเป็น 7 แสนล้านบาท จากเมื่อ 3 ปีก่อนอยู่ที่ 5 แสนล้านบาท จากผลกระทบปัจจัยหลายด้าน ดังนั้น ทางกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ รวมทั้งกระทรวงคมนาคม อยู่ระหว่างร่วมกันพิจารณา เพื่อสะท้อนความเป็นจริงของต้นทุนการก่อสร้าง เพราะไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่สามารถหาผู้รับเหมาได้ อย่างไรก็ตาม ราคาก่อสร้างจะเพิ่มเท่าใดยังไม่มีข้อสรุป