นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง เตรียมหารือกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการเร่งรัดให้เกิดการประหยัดพลังงานและการหันไปใช้พลังงานทางเลือกโดยเร็ว เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีมาตรการชัดเจนเพื่อจูงใจให้เกิดการประหยัดพลังงานมากขึ้น เพราะราคาน้ำมันนยังพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง และการลดภาษีสรรพสามิตเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้น้ำมัน ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะสูงขึ้นมาอยู่ที่กว่าร้อยละ 6 จากเดิมที่ระดับร้อยละ 4-5 ตามราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจมีผลให้การใช้จ่ายในประเทศโดยรวมชะลอตัวลงบ้าง แต่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่รับได้ พร้อมทั้งรณรงค์การประหยัดพลังงานอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการที่ 4 เร็วๆ นี้เช่นกัน เพื่อดูแลให้เศรษฐกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์ครั้งนี้จะเป็นวงกว้าง ส่วนจะใช่มาตรการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตร้อยละ 6 แน่นอน แม้ว่าราคาน้ำมันยังคงผันผวน แต่ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามดูแลเรื่องเงินเฟ้อและราคาพลังงานอย่างเต็มที่ จึงมั่นใจว่าปัญหาเงินเฟ้อไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติและองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารโลก หรือธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือเอดีบี ยังให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้รัฐบาลจะดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับไตรมาสละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 เพื่อรักษาให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ร้อยละ 6 โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาก็ขยายตัวร้อยละ 6 เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของประชาชน นักลงทุนและภาคเอกชน หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้เกิดการลงทุน
นายแพทย์สุรพงษ์ กล่าวว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จะสูงขึ้นมาอยู่ที่กว่าร้อยละ 6 จากเดิมที่ระดับร้อยละ 4-5 ตามราคาน้ำมันและราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น อาจมีผลให้การใช้จ่ายในประเทศโดยรวมชะลอตัวลงบ้าง แต่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ซึ่งจะทำควบคู่ไปกับการดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่รับได้ พร้อมทั้งรณรงค์การประหยัดพลังงานอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาตรการที่ 4 เร็วๆ นี้เช่นกัน เพื่อดูแลให้เศรษฐกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มคนที่ได้รับประโยชน์ครั้งนี้จะเป็นวงกว้าง ส่วนจะใช่มาตรการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะเติบโตร้อยละ 6 แน่นอน แม้ว่าราคาน้ำมันยังคงผันผวน แต่ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามดูแลเรื่องเงินเฟ้อและราคาพลังงานอย่างเต็มที่ จึงมั่นใจว่าปัญหาเงินเฟ้อไม่น่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม จากการเดินทางไปโรดโชว์ต่างประเทศ นักลงทุนต่างชาติและองค์กรต่างๆ เช่น ธนาคารโลก หรือธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือเอดีบี ยังให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้รัฐบาลจะดูแลการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับไตรมาสละไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6 เพื่อรักษาให้เศรษฐกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ร้อยละ 6 โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมาก็ขยายตัวร้อยละ 6 เป็นผลมาจากความเชื่อมั่นของประชาชน นักลงทุนและภาคเอกชน หลังจากที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้เกิดการลงทุน