ต่างชาติแห่ชอปโครงการอสังหาฯตามเมืองท่องเที่ยว ลากูน่า ฮอลิเดย์ เหมาซื้อคอนโดฯในโครงการโบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน จำนวน 55 ยูนิต มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท หวังทำที่พักสมาชิกของบริษัทกว่า 5,000 คน เปรยมีกลุ่มนักลงทุนในสหรัฐฯเจรจาซื้อยกคอนโดฯ
นายประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร กรรมการผู้จัดการ โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมของพื้นที่หัวหิน-ชะอำ โดยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ความต้องการซื้อยังมีมาก แต่ที่ดินริมชายหาดที่เหมาะสมต่อการพัฒนาขาดแคลนและหายากมากขึ้น ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมเปิดขายในพื้นที่ดังกล่าวทั้งสิ้น 1,786 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 83,000 บาทต่อตารางเมตร มียอดขายรวมประมาณ 53% และคาดว่าตลาดคอนโดฯตากอากาศในหัวหินจะมีอัตราเติบโตต่อเนื่องตลอดปี 51
ล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามสัญญาการซื้อขายคอนโดมิเนียม กับบริษัท ลากูน่า ฮอลิเดย์ คลับ จำกัด บริษัทในเครือ ลากูน่า แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) (ในเครือโรงแรมบันยันทรี) ซึ่งดำเนินกิจการเกี่ยวกับการขายบริการกับกลุ่มสมาชิกชาวต่างชาติ(ไทม์แชริ่ง) โดยข้อตกลงจะซื้อคอนโดมิเนียม 55 ห้อง มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จะแยกเป็น 17 ยูนิตภายในปี 51 โดย คอนโด A จำนวน 7 ยูนิตจะโอนภายในสิ้นเดือนเม.ย.และคอนโดฯ C จำนวน 10 ยูนิต จะโอนภายในไตรมาส 2 ส่วนที่เหลืออีก 38 ยูนิต จะโอนภายในปี 2533 ซึ่งเป็นช่วงที่การก่อสร้างคอนโดฯเสร็จสมบูรณ์แล้ว
สำหรับบริษัท ลากูน่า ฮอลิเดย์ คลับฯ มีสมาชิก 5,000 คน แบ่งเป็นคนไทย 65% ที่เหลือจะเป็นสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย เช่น ฮ่องกงและจีน เป็นต้น
"การเติบโตของภาคธุรกิจนักท่องเที่ยวได้ก่อให้เกิดตลาดบ้านพักตากอากาศ และปริมาณการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้ซื้ออสังหาฯมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาขายปรับตัวสูงขึ้น 10-20%ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มไทม์แชริ่งมีแนวโน้มจะเข้ามาหัวหินมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มเกษียณอายุที่มาพักระยะยาวหลายเดือน ในแต่ละปีจะเดินทางท่องเที่ยวทุกปีแอยู่แล้ว จากความต้องการอสังหาฯในเมืองหัวหิน ทำให้ขณะนี้มีนักลงทุนจากสหรัฐฯแสดงความสนใจที่จะเข้ามาซื้อคอนโดฯเหมาทั้งอาคาร โดยอยู่ระหว่างการเจรจา" นายประไพสิทธิ์กล่าว
นายประไพสิทธิ์ ตัณฑ์เกยูร กรรมการผู้จัดการ โบ๊ทเฮ้าส์หัวหิน จำกัด เปิดเผยว่า จากการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมของพื้นที่หัวหิน-ชะอำ โดยบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่า ความต้องการซื้อยังมีมาก แต่ที่ดินริมชายหาดที่เหมาะสมต่อการพัฒนาขาดแคลนและหายากมากขึ้น ปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมเปิดขายในพื้นที่ดังกล่าวทั้งสิ้น 1,786 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 83,000 บาทต่อตารางเมตร มียอดขายรวมประมาณ 53% และคาดว่าตลาดคอนโดฯตากอากาศในหัวหินจะมีอัตราเติบโตต่อเนื่องตลอดปี 51
ล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามสัญญาการซื้อขายคอนโดมิเนียม กับบริษัท ลากูน่า ฮอลิเดย์ คลับ จำกัด บริษัทในเครือ ลากูน่า แอนด์ โฮเท็ล จำกัด (มหาชน) (ในเครือโรงแรมบันยันทรี) ซึ่งดำเนินกิจการเกี่ยวกับการขายบริการกับกลุ่มสมาชิกชาวต่างชาติ(ไทม์แชริ่ง) โดยข้อตกลงจะซื้อคอนโดมิเนียม 55 ห้อง มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จะแยกเป็น 17 ยูนิตภายในปี 51 โดย คอนโด A จำนวน 7 ยูนิตจะโอนภายในสิ้นเดือนเม.ย.และคอนโดฯ C จำนวน 10 ยูนิต จะโอนภายในไตรมาส 2 ส่วนที่เหลืออีก 38 ยูนิต จะโอนภายในปี 2533 ซึ่งเป็นช่วงที่การก่อสร้างคอนโดฯเสร็จสมบูรณ์แล้ว
สำหรับบริษัท ลากูน่า ฮอลิเดย์ คลับฯ มีสมาชิก 5,000 คน แบ่งเป็นคนไทย 65% ที่เหลือจะเป็นสมาชิกในภูมิภาคเอเชีย เช่น ฮ่องกงและจีน เป็นต้น
"การเติบโตของภาคธุรกิจนักท่องเที่ยวได้ก่อให้เกิดตลาดบ้านพักตากอากาศ และปริมาณการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีผู้ซื้ออสังหาฯมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ระดับราคาขายปรับตัวสูงขึ้น 10-20%ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มไทม์แชริ่งมีแนวโน้มจะเข้ามาหัวหินมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มเกษียณอายุที่มาพักระยะยาวหลายเดือน ในแต่ละปีจะเดินทางท่องเที่ยวทุกปีแอยู่แล้ว จากความต้องการอสังหาฯในเมืองหัวหิน ทำให้ขณะนี้มีนักลงทุนจากสหรัฐฯแสดงความสนใจที่จะเข้ามาซื้อคอนโดฯเหมาทั้งอาคาร โดยอยู่ระหว่างการเจรจา" นายประไพสิทธิ์กล่าว
