ผู้จัดการรายวัน - อสังหาฯหัวหิน-ชะอำแข่งเปิดตัวคึกคัก ไนท์แฟรงค์ฯเผยบริษัทรับเหมารายใหญ่ “อิตาเลียนไทยฯ” งัดที่ดิน 20 ไร่ในเมืองผุดคอนโด-โรงแรมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ส่วน “เอเวอร์แลนด์” เล็งผุดคอนโดฯขายให้เศรษฐีชาวไทยและต่างชาติ ด้านปริญสิริ-เมเจอร์ฯ ร่วมวงผุดโครงการใหม่
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในย่านหัวหินและชะอำว่า มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งคอนโดมิเนียม รีสอร์ต และโรงแรม ซึ่งในส่วนของโครงการคอนโดฯจะโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณ 100-200 ยูนิต ขณะที่ความต้องการของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ยูนิต/ปี
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีนักลงทุนหรือผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้าง ทั้งรายเก่าและใหม่เข้าไปลงทุนหลายราย ล่าสุดกลุ่มอิตาเลียนไทย ได้เตรียมนำที่ดินในเมืองประมาณ 20 ไร่ออกพัฒนาเป็นคอนโดฯและโรงแรม รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัท เอเวอร์แลนด์ฯ มีแผนนำที่ดิน 10 ไร่มาพัฒนาเป็นคอนโดฯ มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากกลุ่มทุนที่ลงทุนพัฒนาโครงการใหม่แล้ว ในส่วนของกลุ่มลูกค้ายังมีเพิ่มขึ้นทุกๆปี โดยกลุ่มลูกค้าที่ซื้อจะมี 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มคนที่ทำงานที่หัวหิน ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อบ้านจัดสรร กลุ่ม 2. ตลาดชาวต่างชาติที่เกษียณอายุ เช่น จากสแกนดิเนเวีย ยุโรป จะซื้อบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท กลุ่มนี้จะเข้ามาเที่ยวและอยู่เมืองไทยเพิ่มขึ้น เพื่อต้องการหนีสภาพอากาศที่หนาว และ 3. กลุ่มคนที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศ หรือที่เรียกว่า รีสอร์ตโฮม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนไทยระดับเจ้าของกิจการ ,เศรษฐีในกทม. ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 ใช้เวลาในการเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีเงินหนามาซื้อในยูนิตที่แพงๆ
ก่อนหน้านี้ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการรีสอร์ต ในปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท และบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ (MJD) เตรียมเปิดโครงการคอนโดฯ ที่หัวหิน จำนวน 8-10 อาคาร บนเนื้อที่ 16 ไร่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในย่านหัวหินและชะอำว่า มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องทั้งคอนโดมิเนียม รีสอร์ต และโรงแรม ซึ่งในส่วนของโครงการคอนโดฯจะโครงการขนาดไม่ใหญ่มาก ประมาณ 100-200 ยูนิต ขณะที่ความต้องการของตลาดอยู่ที่ประมาณ 1,000 ยูนิต/ปี
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า มีนักลงทุนหรือผู้ประกอบการในธุรกิจอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้าง ทั้งรายเก่าและใหม่เข้าไปลงทุนหลายราย ล่าสุดกลุ่มอิตาเลียนไทย ได้เตรียมนำที่ดินในเมืองประมาณ 20 ไร่ออกพัฒนาเป็นคอนโดฯและโรงแรม รวมมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัท เอเวอร์แลนด์ฯ มีแผนนำที่ดิน 10 ไร่มาพัฒนาเป็นคอนโดฯ มูลค่าโครงการกว่า 1,000 ล้านบาท
นอกจากกลุ่มทุนที่ลงทุนพัฒนาโครงการใหม่แล้ว ในส่วนของกลุ่มลูกค้ายังมีเพิ่มขึ้นทุกๆปี โดยกลุ่มลูกค้าที่ซื้อจะมี 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มคนที่ทำงานที่หัวหิน ซึ่งส่วนใหญ่จะซื้อบ้านจัดสรร กลุ่ม 2. ตลาดชาวต่างชาติที่เกษียณอายุ เช่น จากสแกนดิเนเวีย ยุโรป จะซื้อบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท กลุ่มนี้จะเข้ามาเที่ยวและอยู่เมืองไทยเพิ่มขึ้น เพื่อต้องการหนีสภาพอากาศที่หนาว และ 3. กลุ่มคนที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศ หรือที่เรียกว่า รีสอร์ตโฮม ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนไทยระดับเจ้าของกิจการ ,เศรษฐีในกทม. ที่ต้องการซื้อบ้านหลังที่ 2 ใช้เวลาในการเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่มีเงินหนามาซื้อในยูนิตที่แพงๆ
ก่อนหน้านี้ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะลงทุนพัฒนาโครงการรีสอร์ต ในปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 2,000 ล้านบาท และบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ฯ (MJD) เตรียมเปิดโครงการคอนโดฯ ที่หัวหิน จำนวน 8-10 อาคาร บนเนื้อที่ 16 ไร่ มูลค่า 3,000 ล้านบาท
