xs
xsm
sm
md
lg

ชาวนาอัด “เจ๊มิ่ง” หูเบาแก้ปัญหาข้าว-รีบแถลงข่าวส่งออก โดยไม่ศึกษาข้อเท็จจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกสมาคมชาวนาฯ ออกโรงโต้ รมว.พาณิชย์ กล่าวหาชาวนาเกี่ยวข้าวอ่อน เพื่อเร่งออกขาย เพราะได้ราคาดีนั้น เป็นการมองเพียงด้านเดียว โดยไม่ได้ลงไปศึกษาข้อเท็จจริง ชี้ต้นตอปัญหาพันธุ์ข้าวรัฐมีจำกัด เกษตรกรต้องซื้อจากพ่อค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ผลผลิตคุณภาพต่ำ ขณะที่ราคาข้าวเปลือกล่าสุดเกวียนละ 15,000 บาท

วันนี้ (27 มี.ค.) นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขอให้ชาวนาเก็บข้าวไว้อย่าเพิ่งรีบขาย เพราะรัฐบาลจะรับซื้อและส่งออกให้ทั้งหมด ซึ่งจะให้ราคาที่สูงกว่านั้น ในความเป็นจริงนั้นชาวนาไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีลานตากข้าวเป็นของตนเอง

ดังนั้น จึงต้องเก็บเกี่ยวข้าวสด และส่งขายให้กับโรงสีข้าวทันที เพราะชาวนา 1 ราย ปลูกข้าวได้รายละ 20-30 ตัน จึงไม่สามารถหาลานตากข้าวได้เอง ต้องส่งให้โรงสีข้าวนำไปตาก และก็มีลานตากข้าวไม่เพียงพอ และขอยืนยันว่า ข้าวที่ชาวนาเก็บเกี่ยวนั้นมีคุณภาพ เมื่อกำหนดการเก็บเกี่ยวแล้ว ไม่ใช่ข้าวอ่อนอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ซึ่งความชื้นของข้าวอยู่ที่ 20-25 เปอร์เซ็นต์ ราคาขายอยู่ที่ตันละ 10,000 บาท เป็นราคาที่ชาวนานั้นพอใจ

นายประสิทธิ์ ระบุว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ นายกสมาคมชาวนาไทย จะประชุมร่วมกันเพื่อสรุปข้อเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาในเรื่องการทำสวัสดิการชาวนา การประกันความเสี่ยงเกี่ยวกับเรื่องภัยธรรมชาติ และการจัดตั้งศูนย์ผลิตข้าวชุมชน ซึ่งรัฐบาลควรจะจัดตั้งงบประมาณให้กับศูนย์ดังกล่าว ในการผลิตพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้กับชาวนา เพราะขณะนี้พันธุ์ข้าวที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้ชาวนาต้องไปซื้อพันธุ์ข้าวกับเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะได้พันธุ์ข้าวที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการปลอมปน ผลิตผลที่ได้จึงไม่ได้คุณภาพ แต่ชาวนาก็ต้องยอมเสี่ยงซื้อมาปลูก เพราะว่าขายข้าวได้ในราคาดี

สำหรับความเคลื่อนไหวตลาดค้าข้าวในภาคกลาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ชาวนาในจังหวัดอุทัยธานี นำรถบรรทุกข้าวเข้าไปขายในบริเวณตลาดกลางข้าวแก้วตา จังหวัดอุทัยธานี กลุ่มพ่อค้าข้าวที่เดินทางมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี และชัยนาท ต่างก็กรูกันเข้าไปใช้เหล็กแหลมแทงนำตัวอย่างข้าวออกมา เพื่อที่จะตรวจสอบคุณภาพ และเสนอราคาแข่งขันกันในการรับแย่งซื้อข้าวจากชาวนา โดยข้าวที่รับซื้อนั้นพ่อค้าจะรับซื้อเป็นข้าวมีความชื้นต่ำเป็นหลัก และยังพบว่ามีข้าวเขียวที่ยังเป็นข้าวที่แก่ไม่เต็มที่ ซึ่งชาวนาก็ได้เร่งเก็บเกี่ยวมา เพราะว่าเห็นว่าข้าวช่วงนี้มีราคาสูง ผู้ดูแลตลาดข้าวได้เตือนชาวนาว่าอย่าเพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวในขณะที่ยังแก่ไม่เต็มที่จะทำให้ข้าวไม่มีคุณภาพ และถูกกดราคาจากพ่อค้าได้ โดยพ่อค้ารับซื้อข้าววันนี้ (27 มี.ค.) ที่เกวียนละ 15,000 บาท

สำหรับข้าวสต๊อกของรัฐบาลที่ นายมิ่งขวัญ รมว.พาณิชย์ เปิดแถลงข่าว วานนี้ โดยระบุว่า มีข้าวหายไปเพียง 13,000 ตัน จากโรงสีเอกชน 3 แห่ง ในจังหวัดชัยนาท พิจิตร และพะเยา และพบว่าเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบมานานหลายเดือนแล้ว และแต่ละแห่งมีการแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของโรงสีไว้แล้ว ส่วนข้าวสารในประเทศ พบว่า ข้าวสารหอมมะลิปรับสูงขึ้นอีกกิโลกรัมละ 6 บาท ทำให้ผู้บริโภคจะต้องซื้อข้าวสารแพงขึ้นจากเดิม โดยข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัมต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกถุงละ 30 บาท

ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ขอให้ชาวนาไม่ต้องเร่งขายข้าว จะส่งผลดีต่อชาวนาจำนวนหนึ่งที่ปลูกข้าวน้อย และมียุ้งฉางเป็นของตนเอง สามารถเก็บข้าวไว้รอขายได้ เพราะว่าราคาข้าวในประเทศปรับสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยปริมาณข้าวนั้นยังขาดแคลน เพราะว่าอินเดียนั้นไม่ยอมส่งข้าว ทำให้คำสั่งซื้อข้าวนั้นทะลักมายังไทย และเวียดนามค่อนข้างมาก ซึ่งขณะนี้ชาวนาส่วนใหญ่ได้ทำคำสั่งซื้อขายข้าวล่วงหน้าไว้กับผู้ส่งออก จึงไม่สามารถเก็บข้าวไว้ได้ตามที่กระทรวงพาณิชย์แนะนำ

โดยวานนี้ นายมิ่งขวัญ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการตรวจสต๊อกข้าวของรัฐบาลในสต๊อก 2.1 ล้านตัน ระหว่างวันที่ 11-16 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า พบข้าวหายเพียง 1.3 หมื่นตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 13-18 ล้านบาท โดยเป็นข้าวที่เก็บในโรงสีลิ้มเจริญพืชผล จ.ชัยนาท โรงสีอิสริยะกุล จ.พะเยา และโรงสี หลิวเจริญทรัพย์ จ.พิจิตร ไม่รวมข้าวที่หายจากโรงสีข้าวไทยไรซ์ มิลล์ จ.เชียงราย จำนวน 1.2 หมื่นตัน ที่ตรวจสอบพบไปก่อนหน้านี้ โดยสั่งให้ดำเนินคดีกับโรงสีทั้งทางแพ่งและอาญาให้ถึงที่สุด และขึ้นบัญชีดำไม่ให้เข้ามาทำการค้าหรือเข้าร่วมโครงการรับจำนำกับทางราชการอีก พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงลงโทษทางวินัย และดำเนินคดีอาญากับข้าราชการอย่างเคร่งครัด

นอกจากนี้เตรียมจะนำข้าวในสต๊อก 9 แสนตันมาบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ขายให้ประชาชนในราคาต้นทุน โดยมอบให้องค์การคลังสินค้าเป็นผู้จัดจำหน่าย คาดว่าจะนำออกจำหน่ายภายใน 1 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ

สำหรับการดูแลชาวนาจะเข้าไปส่งเสริมให้ชาวนาเป็นผู้ส่งออกข้าวในฤดูนาปรังที่กำลังทยอยออกมาเอง ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศ และกรมส่งเสริมการส่งออกจะเข้าไปช่วยดูแลประสานงานเรื่องการส่งออกและหาตลาดให้ เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยฤดูนาปรังรัฐบาลจะไม่เปิดให้มีโครงการรับจำนำ และอยากเตือนไปยังชาวนาว่าอย่าเร่งขายข้าวในราคาถูกๆ ในช่วงนี้ ขอให้ดูแลข้าวในนาให้ดี อย่าให้ถูกขโมย เพราะราคาข้าวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องต่อ ควรเก็บไว้ขายในช่วงราคาสูงกว่านี้ เพราะในรอบพันปีราคาข้าวของชาวนาจะดีสักครั้ง

ด้านนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ข้าวนาปรังที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาดจำนวนรวมประมาณ 4.2 ล้านตันข้าวสารจะให้เกษตรกรส่งออกทั้งหมด เนื่องจากราคาขณะนี้ดีมากประมาณตันละประมาณ 11,500-12,000 บาท

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ราคาข้าวของไทยจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี"51 แต่เนื่องจากเวียดนามมีศักยภาพในการปลูกข้าวสูงมาก โดยสามารถทำนามากถึง 7 ครั้งใน 2 ปี และสามารถฟื้นตัวในเวลารวด เร็ว ซึ่งหากไม่มีผลกระทบจากภัยธรรมชาติเกิดขึ้นซ้ำอีกผลผลิตข้าวของเวียดนามในปี"51 จะสูงมากและอาจส่งผลให้ราคาข้าวลดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น