นายกโรงสีข้าว ยอมรับมีการลักลอบนำข้าว อคส.ออกไปขายจริง หลังราคาข้าวตลาดโลกพุ่งเฉียด 3 หมื่นบาท/ตัน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ยังมึน ปัญหาข้าวในโกดังหายกว่า 2 แสนตัน แบบไร้ร่องรอย “มิ่งขวัญ” สั่งแยก 2 ตลาดเพื่อให้พอกินในประเทศ และส่งออก เตรียมเอาหน้าทำข้าวถุงธงฟ้า คาดเปิดแถลง เย็นนี้
วันนี้ (26 มี.ค.) นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวยอมรับว่า มีโรงสีข้าวร้อยละ 10 ลักลอบนำข้าวไปขายประมาณ 200,000 ตันจริง เพราะโรงสีดังกล่าวอาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน รัฐบาลควรดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากโรงสีเหล่านี้มีสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) อยู่แล้ว
นายกสมาคมโรงสีข้าว กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ จะแบ่งราคาข้าวเป็นตลาดในประเทศ และต่างประเทศนั้น เป็นสิ่งที่ดีซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ และเชื่อว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากราคานั้นจะอิงกับราคาซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าทำให้ผู้ผลิต และผู้ส่งออกสามารถคาดการณ์ได้
ทั้งนี้ นโยบายการแบ่งราคาข้าวเป็น 2 ตลาดนั้น นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้พิจารณาเห็นว่าปัจจุบันข้าวมีราคาสูงมาก ส่งผลกระทบให้ประชาชนในประเทศซื้อข้าวราคาแพงไปด้วย จึงเตรียมออกมาตรการควบคุม ขณะเดียวกัน เตรียมที่จะร่วมมือกับประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกช่วยกันผลักดันราคาข้าวสารส่งออกให้ได้ตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 30,000 บาท
**ชี้คนไทยกินข้าวแพงกว่าข้าวส่งออก
นายปราโมช วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า สาเหตุที่ข้าวสารในประเทศขยับราคาขึ้นอย่างรุนแรงในขณะนี้ เกิดขึ้นจากราคาข้าวในตลาดส่งออกขยับราคาขึ้น และเชื่อว่า ราคาจะสูงต่อเนื่องอีกระยะหนึ่ง วิธีแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในการดูแลผู้บริโภคคือ ควรที่จะนำข้าวในสต็อกที่มีอยู่ 2.1 ล้านตัน มาทยอยระบายออกเป็นข้าวธงฟ้าราคาถูกขายให้กับประชาชน แต่ไม่ควรเปิดประมูลเป็นการทั่วไป เพราะจะทำให้ราคาในตลาดปั่นป่วน และอาจเป็นช่องว่างในการทำกำไรของบุคคลบางกลุ่ม
นายชัยศริ ลีศริกุล กรรมการผู้จัดการ เคซี บริษัท รุ่งเรืองการเกษตร จำกัด กล่าวว่า ยอมรับว่าข้าวสารที่จำหน่ายในประเทศขณะนี้สูงกว่าราคาที่จำหน่ายไปยังตลาดต่างประเทศอยู่ประมาณ 20% แต่ต้องเข้าใจว่า การขายข้าวในประเทศมีต้นทุนบริหารจัดการที่สูงกว่า
**ข้าวล่องหน 2 แสนตัน จับมือใครดมไม่ได้
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวรัฐบาลที่มีอยู่ 2.1 ล้านตัน ทั่วประเทศ ตามนโยบายของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ พบจำนวนข้าวไม่ตรงตามบัญชีที่มีอยู่ โดยมีข้าวหายไปจำนวน 10-15% หรือกว่า 2 แสนตัน ในโกดังข้าวพื้นที่ จ.พิจิตร นครสวรรค์ และเชียงราย เป็นต้น ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นการทุจริต หรือตัวเลขตามบัญชีมีความคลาดเคลื่อน
“จำนวนข้าวที่หาย อาจมีการทุจริตจากโกดังรับฝากข้าวของรัฐ และผู้ชนะประมูลซื้อข้าวของรัฐ ยังไม่ครบกำหนดชำระเงิน แต่นำข้าวออกมาขายก่อนเพื่อเก็งกำไรส่วนต่าง เพราะขณะนี้ราคาข้าวดี นอกจากนี้ยังพบการปลอมปนข้าวในหลายพื้นที่ ซึ่งตัวเลขสต๊อกข้าวในบัญชีก็ยังไม่ชัดเจนว่าเป็น 2.1 ล้านตัน หรือ 1.98 ล้านตัน”
นอกจากนี้ ยังพบเจ้าของโรงสีส่วนใหญ่ โดยเฉพาะรายกลางและรายย่อย กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และบางรายกำลังถูกธนาคารพาณิชย์ยึดทรัพย์ ซึ่งหากมีการเอาผิดกับเจ้าของโรงสีที่ผิดสัญญากับรัฐ หรือทุจริตข้าวในข้อหาลักทรัพย์ หรือทำการปลอมปนข้าวเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ว่ามีข้าวอยู่ครบจำนวน ก็จะถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) และโรงสีเหล่านี้อาจต้องถูกสั่งปิดกิจการทันที ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมาก อาจถึง 1 ใน 3 ของจำนวนโรงสีทั่วประเทศ
**จับตาข้าวธงฟ้า เอาหน้าหรือช่วยประชาชน
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กำลังศึกษา และปรับปรุงกฎหมายและข้อสัญญาระหว่างรัฐกับเอกชนให้เข้มงวด และรัดกุมกว่าปัจจุบัน ทั้งสัญญาของ อคส.กับ เอกชน หรือสัญญากรมการค้าต่างประเทศกับเอกชน เพราะพบว่าการทำสัญญาที่ผ่านมาไม่สามารถเอาผิดกับภาคเอกชนได้ หรือรัฐเรียกร้องค่าเสียหายจากเอกชนได้น้อยกว่ามูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงโทษปรับ หรือจำคุกสำหรับเอกชนมีโทษไม่รุนแรง ทำให้เกิดการกระทำผิดซ้ำอีก
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ นายมิ่งขวัญ ได้เรียกประชุมปลัดกระทวงพาณิชย์ ผู้ตรวจการกระทรวงพาณิชย์ และทีมงานตรวจสอบปริมาณข้าว เพื่อรายงานตัวเลขข้าวในสต๊อก รวมถึงปัญหาการทุจริตข้าว และสถานการณ์การค้าข้าว พร้อมมอบหมายให้ นายศิริพล ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ศึกษาข้อกฎหมายว่า หากภาครัฐจะนำข้าวราคาถูกมาจำหน่ายให้ประชาชนจะสามารถทำได้หรือไม่ หากมีความเป็นไปได้ ก็จะแถลงเย็นวันนี้
