พาณิชย์ เผยเดือน ก.พ.51 ไทยขาดดุลเฉียด 700 ล้านดอลลาร์ หากรวม 2 เดือน ขาดดุลไปแล้ว 1,342.2 ล้านดอลลาร์ คาดผลกระทบราคาน้ำมันแพง “มิ่งขวัญ” ยันไม่น่าหนักใจ เพราะเป็นการนำเข้าสินค้าทุน พร้อมระบุ เห็นสัญญาณ ศก.ฟื้นตัวแล้ว
วันนี้ (21 มี.ค.) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวยอมรับว่า รัฐบาลมีความกังวลในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เพราะพบว่า ไทยเริ่มมีการขาดดุลการค้าสูงขึ้น โดยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.พ.2551 มีมูลค่า 12,991.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก ก.พ.ปีก่อน 16.4% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 13,680.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 33.1% ทำให้ไทยขาดดุลการค้ารวม 688.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า โดยหมวดสินค้าเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 21.1% สินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 12.5% และสินค้าอื่นเพิ่มขึ้น 27.5% ขณะที่ตลาดส่งออกมีการขยายตัวดีทั้งตลาดใหม่และตลาดหลัก โดยตลาดใหม่ขยายตัว 24.2% ตลาดหลักขยายตัว 9.0%
ด้านสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเชื้อเพลิง ทุนและวัตถุดิบ ซึ่งรวมกันมีสัดส่วนนำเข้าสูงถึง 88% ของการนำเข้าทั้งประเทศ แบ่งออกเป็นการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง 24% คิดเป็นมูลค่า 3,294 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 66.63% สินค้าทุน 23% คิดเป็นมูลค่า 5,640.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.36% และสินค้าวัตถุดิบ 41% คิดเป็นมูลค่า 5,640 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 27.17%
ทั้งนี้ ตัวเลขการขาดดุลในเดือน ก.พ.ที่ 688.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ยังไม่น่าตกใจนัก เพราะเกิดจากการนำเข้าขยายตัวมากถึง 33.1% โดยสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าทุนและวัตถุดิบ ซึ่งนำมาใช้เพื่อขยายการผลิตและส่งออกสินค้า รวมทั้งยังมีอัตราเติบโตที่สูงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่การนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวเพียง 0.8% เท่านั้น สะท้อนชัดเจนว่า การลงทุนในประเทศเริ่มฟื้นแล้ว เนื่องจากมีความมั่นใจมากขึ้นกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่ายังเป็นตัวเร่งให้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรมากขึ้น เราบอกไม่ได้ว่าปีนี้จะขาดดุลหรือได้ดุลการค้า แต่เราจะไม่เข้าไปควบคุมการนำเข้า จะปล่อยอิสระ เพราะในอนาคตจะทำให้การส่งออกเพิ่มขึ้นด้วย” นายมิ่งขวัญ กล่าว
นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ยอมรับว่า อีกสาเหตุที่ทำให้ไทยมียอดขาดดุลการค้า เนื่องจากน้ำมันที่นำเข้ามาราคาแพง โดยเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ไทยมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงคิดเป็นมูลค่า 13,680.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 66.36% แบ่งออกเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบ 25.61 ล้านบาร์เรล คิดเป็นมูลค่า 2,408 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 48.7% แต่ปริมาณลดลง 9.94% โดยราคาเฉลี่ยเดือน ก.พ.ปรับเพิ่มขึ้นเป็นบาร์เรลละ 94.03 เหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยเดือน ก.พ.ปีก่อนซึ่งราคาอยู่ที่บาร์เรลละ 56.93 เหรียญสหรัฐฯ
มีการตั้งข้อสังเกตุว่า สาเหตุของการขาดดุลการค้านี้ เป็นผลจากราคาน้ำมันขยายตัวสูงขึ้น โดยเดือน ก.พ.ไทยนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง คิดเป็นมูลค่า 3,294 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้น 66.36% เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบปริมาณ 25.61 ล้านบาร์เรล มูลค่า 2,408 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 48.75% แต่ลดลง 9.94% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
สำหรับสถิติการส่งออกของไทยในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปีนี้ มีมูลค่า 26,951.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การนำเข้ามีมูลค่า 28,293.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลทำให้ไทยขาดดุลการค้ารวม 1,342.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
