xs
xsm
sm
md
lg

บาทแข็งแตะ 31.33 ผวา! ศก.สหรัฐฯ เดี้ยง-กดดัน “เฟด” ใช้ยาแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เงินบาทเช้านี้เปิดที่ระดับ 31.33/35 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากความกังวล ศก.สหรัฐ หลังเฟดประกาศมาตรการฉุกเฉิน โดยลดดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.25% ก่อนการประชุมฯ พรุ่งนี้ ซึ่งคาดกันว่า เฟดอาจปรับลดดอกเบี้ยอย่างรุนแรง เพื่อกู้วิกฤตสถาบันการเงิน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงหนัก สวนทางเงินสกุลหลักที่แข็งค่าทำสถิติสูงสุด ทั้งเงินยูโร และเงินเยน

วันนี้ (17 มี.ค.) นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 31.33/35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 31.38/40 บาทต่อดอลลาร์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมากจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และวิกฤตการณ์ในภาคการเงินของสหรัฐที่อาจจะแย่กว่าที่นักลงทุนคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจกดดันให้ที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ส่งผลให้เงินสกุลอื่นปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนเงินยูโรทำสถิติแข็งค่าสุดนับตั้งแต่มีการประกาศใช้ โดยอยู่ที่ระดับ 1.5806 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่เงินเยนแข็งค่าสุดในรอบ 12 ปี ที่ระดับ 96.55 เยนต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ คาดว่าในสัปดาห์นี้เงินบาทมีแนวโน้มปรับตัวแข็งค่าขึ้นอีกจากการไหลเข้าของเงินทุน เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยหาก เฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรง รวมทั้งความกังวลของผู้ส่งออกที่จะพากันเทขายดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง

**ค่าเงินดอลลาร์ทรุดหนัก หวั่นโดมิโน่สถาบันการเงินล้ม

ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 มี.ค.) ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ จากข่าวที่ว่าแบร์ สเติร์นส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 5 ของสหรัฐ ขาดสภาพคล่องจนต้องขอวงเงินกู้ฉุกเฉินจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขานิวยอร์ก และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลงแตะระดับ 99.270 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 100.47 เยนต่อดอลลาร์ และอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.9984 ฟรังซ์สวิสต่อดอลลาร์ จากระดับ 1.0092 ฟรังซ์ต่อดอลลาร์

ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.5667 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.5638 ดอลลาร์ต่อยูโร ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้น 2.0209 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0336 ดอลลาร์ต่อปอนด์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนตัวลงแตะระดับ 0.9369 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9457 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.8131 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.8170 ดอลลาร์สหรัฐต่อดอลลาร์นิวซีแลนด์

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา “แบร์ สเติร์นส์” ขอรับเงินกู้ฉุกเฉินจากเจพี มอร์แกน และเฟดสาขานิวยอร์ก ขณะที่เจพีมอร์แกน และเฟดสาขานิวยอร์ก ยืนยันว่าพร้อมที่จะร่วมมือกันปล่อยเงินกู้ฉุกเฉินให้กับแบร์ สเติร์นส์ เป็นระยะเวลาขั้นต้น 28 วัน เพื่อกอบกู้สถานะและความเชื่อมั่นของแบร์ สเติร์นส์

รายงานระบุว่า ผู้บริหารของแบร์ สเติร์นส์ และเจพีมอร์แกน กำลังหารือกันเกี่ยวกับการขายกิจการแบร์ สเติร์นส์ให้กับเจพีมอร์แกนอย่างสมบูรณ์ และคาดว่าเจพีมอร์แกนอาจต้องใช้เวลาประมาณ 28 วันเพื่อตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน (due diligence) ของแบร์ สเติร์นส์ ก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการต่อไป โดยเจพีมอร์แกนได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในวาณิชธนกิจที่มีงบดุลแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐ

นายอาชาร์ฟ ไลดี หัวหน้านักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เกตส์ ในกรุงนิวยอร์ก คาดการณ์ว่า “ข่าวแบร์ เสติร์นส์ขาดสภาพคล่องถือเป็นการซ้ำเติมสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนแออยู่แล้วให้ร่วงหนักลงไปอีก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ค่าเงินดอลลาร์ในขณะนี้อาจทำให้ธนาคารกลางใหญ่ๆของโลกร่วมมือกันแทรกแซงตลาดเพื่อพยุงดอลลาร์ให้มีเสถียรภาพ”

ข่าวการขาดสภาพคล่องของแบร์ สเติร์นส์ ส่งผลให้ ฟิทช์ เรทติ้งส์, มูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส และสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของแบร์ สเติร์นส์ โดยมูดีส์กล่าวว่าสถานะด้านสภาพคล่องของแบร์ สเติร์นส์กำลังย่ำแย่ และมีความเป็นไปได้ที่มูดีส์จะลดอันดับเครดิตของแบร์ สเติร์นส์ลงอีก

ขณะที่ ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า พอร์ตการลงทุนและสภาพคล่องของแบร์ สเติร์นส์ ตกอยู่ในความเสี่ยง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แบร์ สเติร์นส์ ต้องขอกู้เงินฉุกเฉิน
กำลังโหลดความคิดเห็น