ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีก โดยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.20-31.40 บาท/ดอลลาร์ แนะจับตาตัวเลข ศก.สหรัฐฯ และผลประชุม “เฟด” ลดดอกเบี้ย 18 มี.ค.นี้
วันนี้ (15 มี.ค.) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ภาวะค่าเงินบาทภายในประเทศ (Onshore) ในสัปดาห์หน้า (17-21 มี.ค.) อาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.20-31.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ แรงขายเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออก สัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะขึ้นกับการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการร่วงลงอย่างหนักของเงินดอลลาร์ จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปและญี่ปุ่น รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ ผลสำรวจภาคการผลิตของ “เฟด” สาขานิวยอร์ก และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยจัดทำโดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เดือนมีนาคม ดัชนีราคาผู้ผลิต ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจัดทำโดย Conference Board เดือนกุมภาพันธ์ ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของต่างชาติเดือนมกราคม ดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 4/2550
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ตลอดจนผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2551 ของวาณิชธนกิจชั้นนำของสหรัฐฯ อาทิ โกลด์แมน แซคส์, เลห์แมน บราเธอร์ส และ แบร์ สเติร์นส อีกด้วย ทั้งนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 21 มี.ค.นี้ เนื่องในวันอีสเตอร์ (Good Friday)
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทในประเทศ (Onshore) ขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยในวันศุกร์ เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.37 (ตลาดเอเชีย) ซึ่งเป็นระดับที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 10 ปี เทียบกับระดับ 31.51 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (15 มี.ค.) บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ภาวะค่าเงินบาทภายในประเทศ (Onshore) ในสัปดาห์หน้า (17-21 มี.ค.) อาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 31.20-31.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ แรงขายเงินดอลลาร์ของผู้ส่งออก สัญญาณการเข้าแทรกแซงตลาดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ตลอดจนทิศทางของเงินดอลลาร์ ซึ่งจะขึ้นกับการแสดงความเห็นเกี่ยวกับการร่วงลงอย่างหนักของเงินดอลลาร์ จากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยุโรปและญี่ปุ่น รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ ผลสำรวจภาคการผลิตของ “เฟด” สาขานิวยอร์ก และเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยจัดทำโดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เดือนมีนาคม ดัชนีราคาผู้ผลิต ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้าง ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิต ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจัดทำโดย Conference Board เดือนกุมภาพันธ์ ข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของต่างชาติเดือนมกราคม ดุลบัญชีเดินสะพัดประจำไตรมาส 4/2550
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 18 มี.ค.นี้ ตลอดจนผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2551 ของวาณิชธนกิจชั้นนำของสหรัฐฯ อาทิ โกลด์แมน แซคส์, เลห์แมน บราเธอร์ส และ แบร์ สเติร์นส อีกด้วย ทั้งนี้ ตลาดการเงินสหรัฐฯ จะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 21 มี.ค.นี้ เนื่องในวันอีสเตอร์ (Good Friday)
โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทในประเทศ (Onshore) ขยับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยในวันศุกร์ เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 31.37 (ตลาดเอเชีย) ซึ่งเป็นระดับที่แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 10 ปี เทียบกับระดับ 31.51 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
