มอร์แกน สแตนลีย์ คาดวิกฤตศก.สหรัฐ ฉุดภาวะตลาดหุ้นเอเชียร่วงต่อ สัปดาห์หน้า ระบุ ข่าวกองทุนพันธบัตร 2 แห่ง ขาดทุนอย่างนัก รวมถึงตัวเลขการยึดบ้านหลุดจำนองของชาวสหรัฐ พุ่งสูงสุดในรอบ 63 ปี สร้างความตระหนกต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ก
วันนี้(7 มี.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มร่วงลงต่อสัปดาห์หน้า เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
นายมัลคอล์ม วูด นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จของมอร์แกนสแตนลีย์กล่าวว่า ตลาดหุ้นเอเชียถูกกระหน่ำด้วยปัจจัยลบในวันนี้ ซึ่งรวมถึงข่าวที่ว่าหลังจากบริษัทธอร์นเบิร์ก มอร์ทเกจ และบริษัทคาร์ลิล กรุ๊ป ซึ่งเป็นกองทุนพันธบัตร เปิดเผยตัวเลขขาดทุนในตลาดกู้จำนอง
สมาคมธนาคารด้านปล่อยกู้จำนองแห่งสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการยึดบ้านที่หลุดจำนองปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 4 ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยว่า ชาวสหรัฐมียอดหนี้กู้เงินจำนองบ้านเพิ่มขึ้นเกินระดับสมดุลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางเริ่มบันทึกข้อมูลตัวเลขดังกล่าวในปี 2488
"ข่าวดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ และได้ทุบตลาดหุ้นในเอเชียดิ่งตามอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนีนิกเกอิที่ร่วงลงกว่า 3% สถานการณ์ตลาดหุ้นในขณะนี้ทำให้คาดคะเนว่าเรากำลังเผชิญจุดที่วิกฤตที่สุดแล้ว" วูดกล่าว พร้อมกับเสริมว่า
แม้การร่วงลงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการช้อนซื้อเก็งกำไร แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการถือในระยะยาวเนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาดสินเชื่อ คงไม่มีนักลงทุนอยากเข้าเสี่ยงในระยะนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.พ.ซึ่งสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไออาร์เอฟ มาร์เก็ตส์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 35,000 อัตรา เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ที่ลดลง 17,000 อัตรา
ก่อนหน้านี้ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 40,000 อัตราในเดือนธ.ค. 2550 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 30,000 อัตรา
รายงานของ ADP ไม่ได้รวมข้อมูลจ้างงานของรัฐบาลไว้ แต่หลังจากที่ได้รวมข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลเข้าไว้ด้วยราว 19,000 อัตราแล้วพบว่าอัตราจ้างงานนอกภาคการเกษตรโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 59,000 อัตราในเดือน ธ.ค.ปีก่อน
วันนี้(7 มี.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มร่วงลงต่อสัปดาห์หน้า เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐ และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ
นายมัลคอล์ม วูด นักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จของมอร์แกนสแตนลีย์กล่าวว่า ตลาดหุ้นเอเชียถูกกระหน่ำด้วยปัจจัยลบในวันนี้ ซึ่งรวมถึงข่าวที่ว่าหลังจากบริษัทธอร์นเบิร์ก มอร์ทเกจ และบริษัทคาร์ลิล กรุ๊ป ซึ่งเป็นกองทุนพันธบัตร เปิดเผยตัวเลขขาดทุนในตลาดกู้จำนอง
สมาคมธนาคารด้านปล่อยกู้จำนองแห่งสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการยึดบ้านที่หลุดจำนองปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 4 ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เปิดเผยว่า ชาวสหรัฐมียอดหนี้กู้เงินจำนองบ้านเพิ่มขึ้นเกินระดับสมดุลเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ธนาคารกลางเริ่มบันทึกข้อมูลตัวเลขดังกล่าวในปี 2488
"ข่าวดังกล่าวได้ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ และได้ทุบตลาดหุ้นในเอเชียดิ่งตามอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะดัชนีนิกเกอิที่ร่วงลงกว่า 3% สถานการณ์ตลาดหุ้นในขณะนี้ทำให้คาดคะเนว่าเรากำลังเผชิญจุดที่วิกฤตที่สุดแล้ว" วูดกล่าว พร้อมกับเสริมว่า
แม้การร่วงลงของราคาหุ้นเป็นโอกาสในการช้อนซื้อเก็งกำไร แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ต้องการถือในระยะยาวเนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาดสินเชื่อ คงไม่มีนักลงทุนอยากเข้าเสี่ยงในระยะนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือน ก.พ.ซึ่งสหรัฐจะเปิดเผยในคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไออาร์เอฟ มาร์เก็ตส์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.จะเพิ่มขึ้น 35,000 อัตรา เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ที่ลดลง 17,000 อัตรา
ก่อนหน้านี้ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 40,000 อัตราในเดือนธ.ค. 2550 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 30,000 อัตรา
รายงานของ ADP ไม่ได้รวมข้อมูลจ้างงานของรัฐบาลไว้ แต่หลังจากที่ได้รวมข้อมูลการจ้างงานของรัฐบาลเข้าไว้ด้วยราว 19,000 อัตราแล้วพบว่าอัตราจ้างงานนอกภาคการเกษตรโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณ 59,000 อัตราในเดือน ธ.ค.ปีก่อน