ผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองขู่ขึ้นราคา 3.20 บาท/ลิตร สกัดรัฐลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 0% เพื่อลดต้นทุนอาหารสัตว์ แก้ปัญหาไม่ตรงจุด เป็นฟหชี้เกาไม่ถูกที่คัน
วันนี้(14 มี.ค.) นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว กล่าวถึงมติของที่ประชุมคณะอนุกรรมการอาหารสัตว์ที่เห็นชอบให้แก้ไขปัญหาเนื้อหมูราคาแพงด้วยการลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 4% เหลือ 0% เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยชี้ว่า เป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกจุด เพราะการปรับลดภาษีกากถั่วเหลือง 0% จะทำให้ต้นทุนการนำเข้ากากถั่วเหลืองถูกลงประมาณก.ก.ละ 60 สตางค์ จากราคานำเข้าปัจจุบันก.ก.ละ 15 บาท เพราะจะส่งผลทำให้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารหมูถูกลงเพียงเล็กน้อยคือประมาณ ก.ก.ละ 7 สตางค์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันราคาอยู่ที่ก.ก.ละประมาณ 11-12 บาท ไม่ได้ช่วยให้ราคาเนื้อหมูถูกลงจริงตามที่รัฐบาลคาดหวัง เพราะการลดภาษีครั้งนี้จะทำให้ต้นหมูเป็นมีราคาถูกลงประมาณ 36 สตางค์/ก.ก. ซึ่งปัจจุบันซื้อขายก.ก.ละ 58 บาท
"ผลในทางปฏิบัติ การลดภาษีดังกล่าว ฟาร์มเลี้ยงหมูไม่ได้ประโยชน์ ต้นทุนการเลี้ยง และราคาเนื้อหมูจะไม่ถูกลง เพราะมีสัดส่วนในต้นทุนน้อยมากทั้งต้นทุนกากถั่ว ต้นทุนอาหารหมู และต้นทุนหมูเป็น แต่เป็นการฉวยโอกาสช่วยเหลือผู้นำเข้ากากถั่ว ซึ่งมีธุรกิจผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่เพียง 2-3 รายมากกว่า ความจริงรัฐน่าจะเข้าไปตรวจสอบราคาจำหน่ายลูกหมูเป็นซึ่งเป็นต้นทุนส่วนใหญ่ของการเลี้ยงหมูกว่า 35% มากกว่าว่าเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทใหญ่ที่ขายลูกหมูให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงได้ปรับราคาขึ้นไปตัวละ 1,850 บาท (ขนาด 20 ก.ก.) เทียบกับช่วง 12 เดือนก่อนหน้าที่ ราคาอยู่ที่ตัวละ 800 บาทเท่านั้น ซึ่งทางสมาคมฯจะทำหนังสือคัดค้านการลดภาษีไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป" นายเศรษฐสรรกล่าว
นอกจากนี้การนำเข้ากากถั่วเหลืองจากต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองภายในประเทศให้ปรับเพิ่มสูงขึ้นอีกลิตรละ 3.20 บาท เนื่องจากผู้ผลิตภายในจะขายกากถั่วเหลืองได้ในราคาที่ต่ำลงประมาณก.ก.ละ 60 สตางค์ หรือประมาณ 468 บาท/100 ก.ก. เพราะต้องแข่งขันกับราคากากถั่วนำเข้าที่ถูกกว่าจากการลดภาษี จะส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนการสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสายการผลิตของอุตสาหกรรมถั่วเหลืองภายใน ต้องปรับเพิ่มขึ้นอีกก.ก.ละ 2.75 บาท หรือประมาณลิตรละ 3.20 บาท
"หากรัฐบาลเดินหน้าลดภาษีกากถั่วจริง ต้นทุนการผลิตน้ำมันถั่วเหลืองของโรงสกัดจะเพิ่มขึ้นลิตรละ 3.20 บาท โรงสกัดจำเป็นต้องเสนอขอปรับขึ้นราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดขึ้นอีกลิตรละ 3.20 บาท ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันถั่วเหลืองปรับสูงขึ้นจากปัจจุบันที่ราคาจำหน่ายอยู่ที่ขวดละ 49.50 บาท ซึ่งจะกระทบไปยังผู้บริโภคในที่สุด แต่หากรัฐบาลไม่ลดภาษี สมาคมอาจจะประคองราคาไปได้อีกระยะ" นายเศรษฐสรรกล่าว
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังพร้อมที่จะลดภาษีอาหารสัตว์ให้ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอขอมา เพราะการลดภาษีดังกล่าวถือเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น อย่างไรก็ตามต้องการให้การลดภาษีมีผลต่อราคาค้าปลีก ที่จะช่วยลดภาระของประชาชนอันเนื่องมาจากราคาเนื้อสัตว์แพง โดยเฉพาะราคาหมูหน้าเขียงให้ลดลงอย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าต้องการให้ลดภาษี แต่ผลประโยชน์กลับตกกับพ่อค้า หรือผู้นำเข้า หรือเป็นการนำเข้าแล้วมาทำประโยชน์อย่างอื่น แต่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งการที่เราสูญเสียรายได้ไปกว่า 800 ล้านบาทจากการลดภาษีครั้งนี้ ก็ต้องการให้ประโยชน์ไปตกอยู่กับผู้บริโภคให้มากที่สุด