เกษตรฯ ยอมไฟเขียวรื้อสูตรราคาหมู “ราคาหน้าฟาร์ม x 2 + 2” ขยับชงพาณิชย์ทบทวนใหญ่ ย้ำต้องเป็นธรรมทั้งผู้ซื้อผู้ขาย พร้อมเจรจาลดต้นทุนผู้ผลิตอาหารสัตว์ พร้อมแนะบริโภคเนื้อชนิดอื่นทดแทน
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูง ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการแผนการสร้างเสถียรภาพด้านราคาสุกรของกรมปศุสัตว์ ซึ่งเสนอให้หารือกระทรวงพาณิชย์ทบทวนสูตรราคาจำหน่ายเนื้อสุกรหน้าเขียงจากเดิมกำหนดไว้เดิมที่ ราคาหน้าฟาร์ม x 2 + 2 ทำให้ราคาสุกรหน้าเขียงปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 110 บาท (54x2+2) เปลี่ยนเป็นสูตรใหม่ที่จะสร้างความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยงและผู้บริโภค รวมทั้งความเป็นไปได้ในการพิจารณาลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เพื่อลดภาระต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ทั้งนี้ ปัจจุบันกากถั่วเหลืองเสียภาษีนำเข้าร้อยละ 5 ข้าวโพด และปลาป่น เสียภาษีร้อยละ 20
“โดยภาพรวมของปีนี้ราคาสินค้าเกษตรส่วนใหญ่มีราคาดีขึ้น แต่เกษตรกรกลับมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่มาก เพราะสินค้าเกษตรเป็นกลุ่มสินค้าพิเศษที่ทดแทนกันได้ เมื่อสินค้าชนิดใดราคาสูงมากๆ ผู้บริโภคก็จะหันไปบริโภคสินค้าอื่นแทน อาทิ เนื้อไก่ และเนื้อปลา”
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์และปัจจัยการผลิตหลายชนิดปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้น เพื่อให้เกิดความชอบธรรมด้านราคาทั้งกับเกษตรกรและผู้บริโภค กระทรวงจะเร่งหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้มีความชัดเจนโดยเร็ว” นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการ สศก.ในฐานะโฆษกกระทรวงเกษตรฯ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ เร่งเจรจากับองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) เรื่องการตรวจรับรองระบบ compartment ของกรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการฟาร์มโดยการกำหนดพื้นที่การเลี้ยงสัตว์บริเวณเฉพาะ และใช้มาตรการควบคุมด้วยระบบ Bio-security ที่จะใช้กับฟาร์มสัตว์ปีกมาตรฐานทั่วประเทศ
ทั้งนี้ หาก OIE ให้การรับรองระบบ compartment ของกรมปศุสัตว์ จะทำให้ประเทศไทยสามารถกลับไปส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่สดแช่แข็งยังประเทศคู่ค้าต่างๆ ได้อีกครั้งหลังจากต้องหยุดไปตั้งแต่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนกครั้งแรกตั้งแต่ปี 2547 เบื้องต้นตั้งเป้าส่งออกไก่สดจำนวน 25,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท