นางถิรดา อภิชัยเดชอุดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิดโด แปซิฟิค จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าสินค้าสำหรับแม่และเด็ก ภายใต้แบรนด์ “คิคโค่-CHICCO” จากประเทศอิตาลี และอีกกว่า 15 แบรนด์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในไทย เปิดเผยว่า ตลาดของเล่นในกลุ่มเพื่อการศึกษา หรือ เอดดูเคชั่นทอยส์ (Education Toys) ซึ่งเป็นของเล่นที่เสริมทักษะและให้ความรู้มากกว่าการเป็นของเล่นธรรมดาทั่วไปเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างมาก คาดว่า มูลค่าตลาดของเล่นประเภทนี้ในปีนี้จะอยู่ที่ 600 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 10% ของมูลค่าตลาดของเล่นโดยรวมที่มีประมาณ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่ตลาดของเล่นเพื่อการศึกษามีเพียง 300 กว่าล้านบาทเท่านั้น หรือคิดเป็น 5% ของตลาดรวม
สาเหตุหลักมาจากการที่ผู้ปกครองในยุคนี้ล้วนยอมกล้าใช้จ่ายกับของเล่นประเภทนี้มากขึ้น และยังมองว่าเป็นสินค้าที่เป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าการเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งบริษัทเองก็มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดนี้อย่างจริงจังด้วย
นอกจากจะรองรับความต้องการของตลาดแล้ว การขยายตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาอย่างเต็มที่ของบริษัทในปีนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้บริษัทฯมีผลประกอบการปีนี้ดีขึ้นด้วย โดยตั้งเป้าเติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 100 ล้านบาท หรือเติบโตจากปี 2549 ประมาณ 30% ขณะที่ตลาดรวมของเล่นปีนี้ คาดว่า จะกลับมาเติบโตเป็นเลข 2 หลักได้ หรือไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากภาวะต่างๆ เริ่มดีขึ้นทั้งเศรษฐกิจการเมือง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาตลาดรวมของเล่นตกลงไปกว่า 5% จากปัจจัยลบต่างๆ
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทวางแผนการตลาดเชิงรุกกับตลาดของเล่นเพื่อการศึกษามากขึ้น จากปีที่แล้วที่นำเข้ามาเช่นกันจำนวน 5 แบรนด์เน้นในกลุ่มนี้เช่นกัน โดยปีนี้คาดว่าจะนำเข้ามาเสริมอีก 6 แบรนด์ เพื่อกระจายให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น รวมแล้วจะทำให้สิ้นปีนี้มีรวม 20 กว่าแบรนด์ทำตลาดไทย
ทั้งนี้ สินค้าตัวใหม่ล่าสุด คือ แบรนด์ วีเทค เป็นของเล่นเพื่อการศึกษาจากประเทศอเมริกา แนวอิเลกทรอนิกส์ เป็นสินค้าระดับบน จับกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ แรกเกิด-12 ปี โดยจะนำเข้ามาประมาณ 120 รายการ เช่น แลปท็อปสำหรับเด็ก วีสมายล์พลัสวิดีโอ วีสมายพ็อกเก็ต วิดีโอเกม เป็นต้น ราคาตั้งแต่ 495-10,880 บาท ทำตลาดผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และยังมีแผนที่จะนำเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางแผนกไอทีในโมเดิร์นเทรดอีกด้วย
“มั่นใจว่า การนำสินค้ากลุ่มนี้มาจำหน่ายจะได้รับความสำเร็จอย่างดี เพราะพฤติกรรมของเด็กปัจจุบันนี้ชอบเล่นอะไรที่อีเล็คทรอนิคส์ ทั้งวิดีโอเกม อินเทอร์เน็ต เป็นต้น” นางถิรดา กล่าว
นอกจากนั้น ยังมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายโดยรวมด้วย โดยเดือนพฤษภาคมนี้มีแผนจะเปิดร้านสแตนด์อโลนชื่อว่า “คิดโด แลนด์” ซึ่งจะเป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าของบริษัท บนพื้นที่กว่า 220 ตารางเมตร เปิดสาขาแรกที่โครงการคริสตัลพาร์ค ถนนรามอินทรา ด้วยงบลงทุนกว่า 4 ล้านบาท และปีนี้จะขยายอีก 1 สาขา โดยภายใน 3 ปีนี้จะมีเปิดรวม 5 สาขา ซึ่งการเปิดร้านนี้จะเป็นการช่วยสร้างแบรนด์คิดโดได้เป็นอย่างดีด้วย
สาเหตุหลักมาจากการที่ผู้ปกครองในยุคนี้ล้วนยอมกล้าใช้จ่ายกับของเล่นประเภทนี้มากขึ้น และยังมองว่าเป็นสินค้าที่เป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าการเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งบริษัทเองก็มีเป้าหมายที่จะขยายตลาดนี้อย่างจริงจังด้วย
นอกจากจะรองรับความต้องการของตลาดแล้ว การขยายตลาดของเล่นเพื่อการศึกษาอย่างเต็มที่ของบริษัทในปีนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้บริษัทฯมีผลประกอบการปีนี้ดีขึ้นด้วย โดยตั้งเป้าเติบโต 20% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ 100 ล้านบาท หรือเติบโตจากปี 2549 ประมาณ 30% ขณะที่ตลาดรวมของเล่นปีนี้ คาดว่า จะกลับมาเติบโตเป็นเลข 2 หลักได้ หรือไม่ต่ำกว่า 10% เนื่องจากภาวะต่างๆ เริ่มดีขึ้นทั้งเศรษฐกิจการเมือง และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เริ่มดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาตลาดรวมของเล่นตกลงไปกว่า 5% จากปัจจัยลบต่างๆ
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทวางแผนการตลาดเชิงรุกกับตลาดของเล่นเพื่อการศึกษามากขึ้น จากปีที่แล้วที่นำเข้ามาเช่นกันจำนวน 5 แบรนด์เน้นในกลุ่มนี้เช่นกัน โดยปีนี้คาดว่าจะนำเข้ามาเสริมอีก 6 แบรนด์ เพื่อกระจายให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น รวมแล้วจะทำให้สิ้นปีนี้มีรวม 20 กว่าแบรนด์ทำตลาดไทย
ทั้งนี้ สินค้าตัวใหม่ล่าสุด คือ แบรนด์ วีเทค เป็นของเล่นเพื่อการศึกษาจากประเทศอเมริกา แนวอิเลกทรอนิกส์ เป็นสินค้าระดับบน จับกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ แรกเกิด-12 ปี โดยจะนำเข้ามาประมาณ 120 รายการ เช่น แลปท็อปสำหรับเด็ก วีสมายล์พลัสวิดีโอ วีสมายพ็อกเก็ต วิดีโอเกม เป็นต้น ราคาตั้งแต่ 495-10,880 บาท ทำตลาดผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด และยังมีแผนที่จะนำเข้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางแผนกไอทีในโมเดิร์นเทรดอีกด้วย
“มั่นใจว่า การนำสินค้ากลุ่มนี้มาจำหน่ายจะได้รับความสำเร็จอย่างดี เพราะพฤติกรรมของเด็กปัจจุบันนี้ชอบเล่นอะไรที่อีเล็คทรอนิคส์ ทั้งวิดีโอเกม อินเทอร์เน็ต เป็นต้น” นางถิรดา กล่าว
นอกจากนั้น ยังมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายโดยรวมด้วย โดยเดือนพฤษภาคมนี้มีแผนจะเปิดร้านสแตนด์อโลนชื่อว่า “คิดโด แลนด์” ซึ่งจะเป็นร้านที่จำหน่ายสินค้าของบริษัท บนพื้นที่กว่า 220 ตารางเมตร เปิดสาขาแรกที่โครงการคริสตัลพาร์ค ถนนรามอินทรา ด้วยงบลงทุนกว่า 4 ล้านบาท และปีนี้จะขยายอีก 1 สาขา โดยภายใน 3 ปีนี้จะมีเปิดรวม 5 สาขา ซึ่งการเปิดร้านนี้จะเป็นการช่วยสร้างแบรนด์คิดโดได้เป็นอย่างดีด้วย