xs
xsm
sm
md
lg

รถหลอกเช่าโผล่จอดทิ้งกลางโรงพัก ตร.ระบุมีผู้เสียหายกว่า 200 ราย!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

หนุ่มใหญ่เข้าร้องถูกบริษัทหลอกเช่ารถ โชคดีพบรถจอดทิ้งไว้ในลานจอดรถของ สน.มีนบุรี แม่ค้าเผย มีคนขับรถมาจอดก่อนหายตัวไป ล่าสุด พบรถที่บริษัทหลอกเช่าจอดทิ้งอยู่อีก 3 คัน ด้านผู้เสียหายทยอยแจ้งความในวันนี้แล้วกว่า 50 ราย ตร.ระบุมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.แล้วกว่า 200 ราย

วันนี้ (15 ก.พ.) เมื่อเวลา 07.00 น.ที่ สน.มีนบุรี ขณะที่ นายสมควร ศรีโนนยาง อายุ 44 ปี เดินทางเข้าแจ้งความว่าถูก บริษัท ยูฟูกุ เดคคอเรท หลอกเช่ารถไปของ น.ส.ณัฐนรินทร์ มูฮัมหมัด อายุ 33 ปี หลอกเช่ารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน อก-1827 กทม.ไปนั้น เจ้าตัวกลับพบรถคันดังกล่าว จอดอยู่ในลานจอดรถของ สน.มีนบุรี จึงรีบแจ้งพนักงานสอบสวนให้ทราบทันที

นายสมควร เปิดเผยว่า ในวันนี้ตนเดินทางมาพร้อมกับน้องชายเพื่อแจ้งความว่าถูกบริษัทดังกล่าวหลอกเช่ารถไป แต่เมื่อมาถึงที่ สน.มีนบุรี น้องชายได้เดินทางไปถ่ายเอกสารหลักฐานที่ร้านขายข้าว ก็พบรถของตนจอดอยู่ จึงรีบมาแจ้งให้ตนทราบ เมื่อตนมาตรวจสอบก็ตำหนิต่างๆที่รถ ก็พบว่าใช่รถของตนจริง จึงรีบแจ้งพนักงานสอบสวนให้ทราบทันที

ด้าน นางบุญมี ประชาพันธ์ อายุ 54 ปี แม่ค้าขายข้าวร้านดังกล่าว ให้การว่า เมื่อคืนวานนี้ (14 ก.พ.) เวลาประมาณ 23.00 น.ขณะที่ตนกลับมาจากไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้มานั่งที่ร้านดังกล่าว จากนั้นก็หันไปเห็นมีผู้ชายคนหนึ่ง อายุประมาณ 30-40 ปี ขับรถคันดังกล่าวมาจอดไว้ที่ลานจอดรถ จากนั้นก็หายตัวไปเลยทันทีจนกระทั่งช่วงเช้ามาพบว่า มีผู้เสียหายมาตรวจสอบรถที่สน.ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.อัครภัส จายะวานิช สว.สส.สน.มีนบุรี ได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์จำนวน 3 คัน ซึ่งเป็นของผู้เสียหายที่ถูกบริษัทดังกล่าวหลอกไปจอดอยู่ภายในหมู่บ้านหทัยราษฎร์ ซอยหทัยราษฎร์ 4 แขวงและเขตมีนบุรี จึงนำกำลังไปตรวจสอบก่อนพบว่า มีรถ 2 คัน ประกอบด้วย รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน มย-2867 กทม.และรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีดำ หมายเลขทะเบียนป้ายแดง ก-6214 กทม.จอดอยู่ในบ้านเลขที่ 98/2 จึงเข้าไปตรวจยึด พร้อมทั้งเชิญเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวมาสอบปากคำที่ สน.มีนบุรี

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบรถเก๋งยี่ห้อมาสด้า 3 สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียนป้ายแดง รศ-1012 กทม.ซึ่งเป็นรถของผู้เสียหายที่ถูก น.ส.ณัฐนรินทร์ หลอกเช่าไป จอดทิ้งไว้ในบ้านหลังหนึ่งในย่านรามอินทรา โดย น.ส.ณัฐนรินทร์ ได้นำรถคันดังกล่าวไปจำนำกับเจ้าของบ้านหลังที่พบรถจอดอยู่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงยึดรถคันดังกล่าวมาที่สน.พร้อมทั้งจะเชิญเจ้าของบ้านมาสอบปากคำเช่นกัน

ด้าน นางสายสมร คำชะไว อายุ 36 ปี แม่ค้าขายไก่ตลาดสดมีนบุรี เจ้าของรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน มย-2867 กทม.ที่ที่พบในวันนี้ เปิดเผยว่า ตนซื้อรถคันดังกล่าวมาเมื่อช่วงเดือนต.ค. 50 จากนั้นก็ได้นำรถคันดังกล่าว ไปให้บริษัทดังกล่าวเช่าเดือนละ 39,000 บาท โดยตนได้ค่าจ้างมาแค่ 2 เดือน จากนั้นก็ไม่ได้ค่าเช่าอีกเลย ตามตัว น.ส.ณัฐนรินทร์ ไม่ได้อีกเลย จนกระทั่งมาพบรถคันดังกล่าวในวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในวันนี้ยังมีผู้เสียหายที่ถูกบริษัทประมาณ 50 คน ที่ถูกบริษัท ยูฟูกุ เดคคอเรท ของ น.ส.ณัฐนรินทร์ มูฮัมหมัด หลอกเช่ารถไป ทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมอีกด้วย

ด้าน พ.ต.ท.โชติ สุวรรณจุณีย์ รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี กล่าวว่า ในวันนี้ได้เรียกผู้เสียหายทั้งหมดมาพูดคุยชี้แจงถึงการเข้าแจ้งความที่ สน.ว่า หากจะเดินทางมาแจ้งความก็ขอให้เตรียมเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับรถของตัวเองให้พร้อมด้วย ทั้งนี้ หากผู้เสียหายเป็นผู้พบรถของตัวเองจอดทิ้งไว้ที่ใด ก็ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อจะได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และยึดรถมาไว้ที่ สน.อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้เสียหายในท้องที่สน.มีนบุรี เข้ามาแจ้งความแล้วประมาณ 200 กว่ารายแล้ว

พ.ต.ท.โชติ กล่าวต่อว่า สำหรับเจ้าของบ้านที่เจ้าหน้าที่ไปพบรถจอดไว้ในวันนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด แต่ได้เชิญตัวมาสอบปากคำแล้ว ซึ่งหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่หลอกเช่ารถไป ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังจากที่ผู้เสียหายจากคดีแชร์รถยนต์ ไปพบรถยนต์ของตนเองที่นำไปให้บริษัท ยูฟูกุ เดคคอเรท จำกัด เช่า ไปจอดในเต้นท์ขายรถยนต์คิวซี ออโต ปากซอยรามอินทรา 27 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. จำนวนถึง 5 คันนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังกองบังคับการทะเบียน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทราบว่า การจะขออนุญาตจัดตั้งเต้นท์ขายรถยนต์นั้น จะต้องมีใบอนุญาตค้าของเก่า ซึ่งเดิม กองทะเบียน เป็นผู้ดำเนินการออกใบอนุญาตให้ แต่ปัจจุบัน ได้โอนการดำเนินการดังกล่าวไปยังกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้รับผิดชอบแล้ว การขออนุญาตจัดตั้งเต้นท์รถ ทางกองบังคับการกองทะเบียน จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

อย่างไรก็ตาม ในระเบียบการขออนุญาตจัดตั้งเต้นท์รถนั้นระบุไว้ว่า ขั้นตอน การขอใบอนุญาตเปิดเต้นท์ ซื้อขายรถยนต์ ตามระเบียบกระทรวง มหาดไทยว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ. 2533 ซึ่งต้องไปยื่นคำร้อง จาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งรับโอนจาก กองบังคับการกองทะเบียน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้ว หรือ ณ เขต ต่างๆ และ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอ นั้น ๆ โดยผู้ขออนุญาตต้องมีคุณสมบัติดังนี้ อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้น ไป มีความรู้หนังสือไทยพอ อ่านออกเขียนได้ เป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษจำ คุกความผิดฐานปลอมแปลงเงินตรา การปลอมบัตรและการปลอมใบ สำคัญ สัญญาในการยืมเงินตรา และในการให้ดอกเบี้ย และความ ผิดฐานประทุษร้ายแก่ทรัพย์ มีสมุดบัญชีสำหรับการขาย ทุกคราว และจดรายการข้อสำคัญ ทั้งปวงแห่งการขายนั้น ๆ ลงไว้และแจ้งวันและสถานที่ขายให้ นายตรวจทราบล่วงหน้าอย่างน้อย สามวันเต็ม

จากนั้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินการ ตรวจสอบเอกสาร หากครบถ้วน ถูกต้อง ส่งให้จังหวัด จากนั้น จังหวัดตรวจสอบเอกสารและ คุณสมบัติของผู้ขอ หากครบถ้วน ถูกต้อง ให้ออกใบอนุญาตและส่งกลับอำเภอ และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ในเขตจังหวัด นั้นๆ โดยผู้ขอ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน หรือหนังสือสำคัญประจำตัวคน ต่างด้าว พร้อมใบประกอบธุรกิจ และสำเนา ทะเบียนบ้าน รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 3 รูป ทะเบียนพาณิชย์ หรือ หนังสือรับรองการจดทะเบียน นิติบุคคลและสำเนาพร้อมทั้งหนังสือยินยอมให้ใช้สถาน ที่ทำการค้า หรือหลักฐานการเป็น เจ้าของหรือสัญญาเช่า

จากนั้น อำเภอ หรือเจ้าหน้าที่แจ้งผู้ขออนุญาต เพื่อ รับใบอนุญาตและชำระค่า ธรรมเนียม อำเภอสำเนาใบเสร็จรับเงิน ส่งจังหวัด เพื่อบันทึกรายละเอียดลง ในต้นขั้วใบอนุญาตเก็บไว้เป็น หลักฐานส่วน การขอต่ออายุใบอนุญาตผู้ได้รับอนุญาตจะต้องยื่นคำ ขอต่ออายุใบอนุญาตก่อนที่ใบ อนุญาตจะหมดอายุ 90 วัน ณ ที่ว่าการอำเภอ

หลักฐานประกอบการขอ อนุญาต ให้ ผู้ค้าของเก่าปฏิบัติดังนี้ แสดงนามของตนและคำว่า "ผู้ค้าของเก่า" ไว้ ณ ที่ทำการ ค้าของตนพร้อมทั้งใบอนุญาตในที่ เห็นได้ชัดเจน มีสมุดบัญชีสำหรับการค้า ของตนและจดรายการข้อสำคัญทั้ง ปวงแห่งการค้าลงไว้ทุกราย สมุด บัญชีตามที่ กล่าวนี้ ต้องทำตาม แบบและนำมาให้เจ้าพนักงานผู้ ออกใบอนุญาตลงนาม และประทับ ตราก่อนทุกเล่มแจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ นายตรวจ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย ว่าทรัพย์ที่มีผู้มาเสนอหรือโอนให้ ตนนั้นเป็น ทรัพย์ที่ได้มาโดยทาง ทุจริต ทำเลขลำดับเป็นเครื่องหมาย ปิดไว้ที่ของให้ตรงกับเลขลำดับใน สมุดบัญชี เพื่อสะดวกในการสำรวจ การพิมพ์ลายนิ้วมือให้อำเภอขอความร่วมมือสถานี ตำรวจท้องที่เป็นผู้พิมพ์ลายนิ้วมือ ของผู้ขอใบอนุญาต เพื่อส่งไป ตรวจสอบ คุณสมบัติ

หน้าที่ของนายตรวจ ตรวจตราผู้ค้าของเก่าว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ ถ้า บกพร่องก็ให้ผู้ค้าของเก่าดำเนิน การเสียให้ครบถ้วนบริบูรณ์ก่อน จึงให้ทำการค้าของเก่าได้ตรวจบัญชีและทรัพย์สิน สิ่งของการขายทอดตลาดและค้า ของเก่า กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า ทรัพย์สินสิ่งของ ได้มาโดยการ ทุจริตให้รีบรายงานตามลำดับชั้น จนถึงเจ้าพนักงานผู้ออกใบ อนุญาตพิจารณาสั่งการ ตรวจตราผู้ขายทอดตลาด และค้าของเก่าให้ปฏิบัติตาม กฎหมาย หากปรากฏว่าปฏิบัติไม่ถูกต้องและเข้า ลักษณะความผิด ตามมาตรา 12 แห่งพระราช บัญญัติควบคุมการขายทอดตลาด และค้าของเก่า พ.ศ. 2474 ให้ นายตรวจบันทึกความผิดส่ง สถานีตำรวจท้องที่ดำเนินการตาม กฎหมายต่อไป แล้วรายงานให้เจ้า พนักงานผู้ออก ใบอนุญาตทราบ ซึ่งกรมการปกครองได้กำหนด แบบบันทึกผลการตรวจให้ถือเป็น แนวทางปฏิบัติแล้ว ส่วน อัตราค่าธรรมเนียม รถยนต์ ปีละ 7,500 บาท

สำหรับโทษ นั้น ผู้ใดประกอบอาชีพขาย ทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยไม่ได้ รับอนุญาต หรือประกอบอาชีพดัง กล่าว ภายหลังที่ได้มีคำสั่งเพิกถอน ใบอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกิน ห้าพันบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ส่วน ผู้รับใบอนุญาต ผู้ใด ทำ การขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า โดยใบอนุญาตขาดอายุ หรือทำ การขาย ทอดตลาดหรือค้าของเก่า โดยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือ ฝ่าฝืนกฎกระทรวง ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกินสองพันบาท ผู้รับใบอนุญาตประกอบ อาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า ไม่แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือ นายตรวจ ทันทีเมื่อมีเหตุอันควร สงสัยว่า ทรัพย์ที่มีผู้มาเสนอหรือ โอนให้ตนนั้นเป็นทรัพย์ที่ได้มา โดยทุจริต ต้องระวางโทษ จำคุก ตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปี หรือปรับ ตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท

มีรายงานด้วยว่า เต้นท์รถในลักษณะดังกล่าว ยังยากต่อการประเมินภาษีของเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรด้วย เนื่องจาก เมื่อเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรไปตรวจสอบ จะไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า ในเดือนหรือปีนั้นๆ ได้มีการขายรถไปจำนวนกี่คัน เพราะว่า การซื้อขายรถยนต์ดังกล่าว จะใช้การโอนลอย จึงยากต่อการตรวจสอบ

ด้าน พล.ต.ต.จุตติ ธรรมโทวนิช รอง ผบช.น.หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีแก๊งแชร์รถเช่า กล่าวว่า ได้ให้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ออกสืบสวนและติดตามรถยนที่ถูกแก๊งหลอกเช่ารถแล้วนำไปขายทั่ว กทม. และปริมณฑลแล้ว เบื้องต้นสามารถควบคุมตัว นาย อภิสิทธิ์ ห่านมณี เจ้าของเต้นท์รถคิวซี ออโต สอบสวนให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนรู้เห็นการแก๊งดังกล่าว นอกจากนี้ จากแนวทางการสืบสวนสอบสวน พบว่า แก๊งดังกล่าวกับแก๊งโจรกรรมรถยนต์ที่ปลอมแปลงทะเบียน และเอกสาร มี พฤติกรรมคล้ายกัน แต่ไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน หรือ เป็นกลุ่มเดียวกัน

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ทาง พล.ต.ต.เจตน์ มงคลหัตถี รอง ผบช.น.ในฐานะ หัวหน้าศูนหน้านี้ ทางเราได้ออกสืบสวนหารถต้องสงสัยที่คาดว่าถูกโจรกรรมมา หรือ ได้มาโดยมิชอบ เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น