เหยื่อบังคับคดี เข้าแจ้งความ ถูกเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี และเจ้าหน้าที่ของบริษัทบัตรเครดิต เข้าไปตรวจค้นยึดทรัพย์สินในบ้านของบิดาแฟน พร้อมยึดทรัพย์สินเป็นทองรูปพรรณจของตนไป 2 รายการ แต่มีในบันทึกการยึดทรัพย์เพียงรายการเดียว ส่วนทองอีก 10 บาท หายไปและไม่มีการลงบันทึกการตรวจยึดทรัพย์สิน ยังไม่รู้ใครแฮปไป จึงต้องแจ้งความเอาผิดทั้งเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี เจ้าหน้าที่บริษัทบัตรเครดิต และตำรวจอีก 2 นาย
วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สน.บางเขน น.ส.สุวรรณี เกียรติชัยเลิศนภา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 364 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสสนใน เขตพญาไท กทม. พร้อมม.ล.สุภาพ ปราโมช ณ อยุธยา อายุ 59 ปี อาจารย์พิเศษ สถาบันราชภัฎแห่งหนึ่ง และนายไกรฤทธิ์ ปราโมช ณ อยุธยา อายุ 29 ปี บุตรชาย เดินทางเข้าพบร.ต.ท.ธนดล ศรีวันชัย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางเขน เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี เจ้าหน้าที่บริษัท อเมริกันเอ็กซ์เพลส (ไทย) จำกัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางเขน 2 นาย ว่า ขโมยทรัพย์สิน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางวัน และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังจากทั้งหมด ได้นำหมายของกรมบังคับคดี เข้าไปยึดทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 17/141 ในซอยรามอินทรา 45 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
ม.ล.สุภาพให้การว่า เมื่อประมาณปี 2545 ตนได้ทำบัตรเครดิต กับบริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพลส (ไทย) จำกัด เป็นบัตรทองในวงเงิน 1 แสนบาท จากนั้นได้ใช้จ่ายและผ่อนชำระเรื่อยมา จนกระทั่งในเดือนม.ค. 2550 ได้ขาดส่งการชำระหนี้ไป ต่อมาบริษัทฯ ได้มีใบแจ้งหนี้ แจ้งมาที่ตน เป็นจำนวนเงินทั้งหมดประมาณ 160,000 บาท ซึ่งขณะนั้น ตนประสบปัญหาทางด้านการเงิน และไม่ได้ชำระหนี้จริง จนกระทั่งมีการติดต่อกันภายหลังกับเจ้าหน้าที่บริษัทฯ โดยได้มีการผ่อนชำระประมาณงวดละ 2-3 พันบาท และส่งไปประมาณ 2 งวด หลังจากนั้น กระทั่งช่วงปลายเดือนต.ค. 2550 ทางบริษัทติดต่อมา ว่าจะต้องดำเนินการตามกฏหมาย ตนจึงแจ้งบริษัทฯไปว่า จะยึดอะไร ก็เข้ามายึดได้ และได้เคยเสนอเป็นโฉนดที่ดินให้ เพื่อเป็นการใช้หนี้ จนกระทั่งในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2550 มีเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี 2 คน เจ้าหน้าที่บริษัทฯ และตำรวจบางเขน 2 นาย เข้ามาที่บ้าน ซึ่งขณะนั้น ไม่ใครอยู่บ้าน ต่างออกไปทำงานกันทั้งหมด จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำหมายกรมบังคับคดีศาลแพ่ง เลขที่ ย 886/47 ลงวันที่ 29 พ.ย.2550 มาปิดที่หน้าบ้าน และทำการตัดกุญแจ เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน ก่อนที่จะยึดเอาทรัพย์สินของตนที่อยู่ในบ้านไปรวมประมาณ 60 รายการ แต่มารู้ภายหลังว่า ใน 60 รายการดังกล่าว มีทองรูปพรรณของน.ส.สุวรรณี แฟนสาวของบุตรชาย ถูกยึดไปด้วย
ด้านน.ส.สุวรรณีกล่าวว่า หลังจากกลับมาในตอนเย็น พบว่า ที่บ้านถูกรื้อค้น กระจุยกระจาย เมื่อขึ้นไปดู และตรวจสอบทรัพย์สินพบว่า ทองรูปพรรณของตนเองหายไป โดยทองรูปพรรณดังกล่าว ได้เก็บใส่ในกระปุกไว้ 2 กระปุกในตู้เสื้อผ้า กระปุกแรก เป็นกระปุกครีม อีกกระปุกเป็นกระปุกใส โดยทองรูปพรรณในกระปุกหายไปทั้ง 2 กระปุก เหลือแต่เพียงกระปุกเปล่าทิ้งไว้ หลังจากนั้น จึงไปแจ้งความที่สน.บางเขน แต่ทางตำรวจบอกว่า ยังไม่สามารถแจ้งได้ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า มีทรัพย์สินอะไรหายไปบ้าง ตนจึงได้ไปติดต่อขอดูทรัพย์สินที่ถูกยึดไป ที่กรมบังคับคดี แต่ทางกรมบังคับคดี แจ้งว่า ไม่สามารถให้ตรวจสอบทรัพย์สินได้ โดยต้องให้ บริษัทคู่กรณีมาตรวจสอบร่วมกัน จากนั้น ทางตนได้พยายามติดต่อกับบริษัทอเมริกันฯ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2550 จึงไปที่กรมบังคับคดีอีกครั้ง และแจ้งให้กรมบังคับคดีออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่บริษัทอเมริกันฯ มาร่วมตรวจสอบทรัพย์สินที่ยึดไป กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2551 ทางกรมบังคับคดี ได้ออกหมายเรียกบริษัทอเมริกันให้มาดูทรัพย์สินในวันที่ 17 ม.ค. 2551 พอมาดูปรากฏว่า พบทองรูปพรรณที่เป็นของตน ซึ่งบรรจุอยู่ในกระปุกครีมเพียงเท่านั้น แต่ทองรูปพรรณในกระปุกใสนำหนักประมาณ 10 บาท ไม่พบ และไม่มีอยู่ในรายการทรัพย์สินที่ยึดมา
น.ส.สุวรรณีกล่าวว่า จากนั้น ได้ทำเรื่องขอทรัพย์สินคืน แต่กรมบังคับคดีแจ้งว่า ไม่สามารถคืนให้ได้ ต้องไปฟ้องขัดทรัพย์เอง อีกทั้ง เมื่อติดต่อไปทางบริษัทอเมริกันฯ กับเจ้าหน้าที่คนที่ลงชื่อเข้าตรวจยึดไว้ ได้รับการปฏิเสธว่า ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวทรัพย์สินของตน แต่มีพนักงานบริษัทอีก 2 คน ไปรื้อค้นทรัพย์สินในบ้าน ก่อนจะนำมากองรวมกันไว้ ทำให้ทราบว่า ในวันนั้น มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทอเมริกันฯมากกว่า 1 คน เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ได้เดินทางมายังสน.บางเขน และเข้าสอบถามกับตำรวจ 2 นาย ที่ไปในวันเกิดเหตุ โดยเท่าที่สอบถามก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจยึด เพียงเดิงทางไปรักษาการแค่หน้าบ้านเท่านั้น ในวันนี้ จึงเดินทางมาแจ้งความ กับผู้ที่เข้าไปในบ้านทุกคน
ด้านร.ต.ท.ธนดล กล่าวว่า ได้รับแจ้งความเรื่องดังกล่าวไว้ จากนั้นจะนำเรื่องเสนอให้ทางผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาต่อว่า จะให้ใครเป็นผู้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
วันนี้ (14 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สน.บางเขน น.ส.สุวรรณี เกียรติชัยเลิศนภา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 364 ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสสนใน เขตพญาไท กทม. พร้อมม.ล.สุภาพ ปราโมช ณ อยุธยา อายุ 59 ปี อาจารย์พิเศษ สถาบันราชภัฎแห่งหนึ่ง และนายไกรฤทธิ์ ปราโมช ณ อยุธยา อายุ 29 ปี บุตรชาย เดินทางเข้าพบร.ต.ท.ธนดล ศรีวันชัย พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.บางเขน เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี เจ้าหน้าที่บริษัท อเมริกันเอ็กซ์เพลส (ไทย) จำกัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางเขน 2 นาย ว่า ขโมยทรัพย์สิน บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางวัน และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังจากทั้งหมด ได้นำหมายของกรมบังคับคดี เข้าไปยึดทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 17/141 ในซอยรามอินทรา 45 ถนนรามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
ม.ล.สุภาพให้การว่า เมื่อประมาณปี 2545 ตนได้ทำบัตรเครดิต กับบริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพลส (ไทย) จำกัด เป็นบัตรทองในวงเงิน 1 แสนบาท จากนั้นได้ใช้จ่ายและผ่อนชำระเรื่อยมา จนกระทั่งในเดือนม.ค. 2550 ได้ขาดส่งการชำระหนี้ไป ต่อมาบริษัทฯ ได้มีใบแจ้งหนี้ แจ้งมาที่ตน เป็นจำนวนเงินทั้งหมดประมาณ 160,000 บาท ซึ่งขณะนั้น ตนประสบปัญหาทางด้านการเงิน และไม่ได้ชำระหนี้จริง จนกระทั่งมีการติดต่อกันภายหลังกับเจ้าหน้าที่บริษัทฯ โดยได้มีการผ่อนชำระประมาณงวดละ 2-3 พันบาท และส่งไปประมาณ 2 งวด หลังจากนั้น กระทั่งช่วงปลายเดือนต.ค. 2550 ทางบริษัทติดต่อมา ว่าจะต้องดำเนินการตามกฏหมาย ตนจึงแจ้งบริษัทฯไปว่า จะยึดอะไร ก็เข้ามายึดได้ และได้เคยเสนอเป็นโฉนดที่ดินให้ เพื่อเป็นการใช้หนี้ จนกระทั่งในวันเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2550 มีเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี 2 คน เจ้าหน้าที่บริษัทฯ และตำรวจบางเขน 2 นาย เข้ามาที่บ้าน ซึ่งขณะนั้น ไม่ใครอยู่บ้าน ต่างออกไปทำงานกันทั้งหมด จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำหมายกรมบังคับคดีศาลแพ่ง เลขที่ ย 886/47 ลงวันที่ 29 พ.ย.2550 มาปิดที่หน้าบ้าน และทำการตัดกุญแจ เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน ก่อนที่จะยึดเอาทรัพย์สินของตนที่อยู่ในบ้านไปรวมประมาณ 60 รายการ แต่มารู้ภายหลังว่า ใน 60 รายการดังกล่าว มีทองรูปพรรณของน.ส.สุวรรณี แฟนสาวของบุตรชาย ถูกยึดไปด้วย
ด้านน.ส.สุวรรณีกล่าวว่า หลังจากกลับมาในตอนเย็น พบว่า ที่บ้านถูกรื้อค้น กระจุยกระจาย เมื่อขึ้นไปดู และตรวจสอบทรัพย์สินพบว่า ทองรูปพรรณของตนเองหายไป โดยทองรูปพรรณดังกล่าว ได้เก็บใส่ในกระปุกไว้ 2 กระปุกในตู้เสื้อผ้า กระปุกแรก เป็นกระปุกครีม อีกกระปุกเป็นกระปุกใส โดยทองรูปพรรณในกระปุกหายไปทั้ง 2 กระปุก เหลือแต่เพียงกระปุกเปล่าทิ้งไว้ หลังจากนั้น จึงไปแจ้งความที่สน.บางเขน แต่ทางตำรวจบอกว่า ยังไม่สามารถแจ้งได้ ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่า มีทรัพย์สินอะไรหายไปบ้าง ตนจึงได้ไปติดต่อขอดูทรัพย์สินที่ถูกยึดไป ที่กรมบังคับคดี แต่ทางกรมบังคับคดี แจ้งว่า ไม่สามารถให้ตรวจสอบทรัพย์สินได้ โดยต้องให้ บริษัทคู่กรณีมาตรวจสอบร่วมกัน จากนั้น ทางตนได้พยายามติดต่อกับบริษัทอเมริกันฯ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2550 จึงไปที่กรมบังคับคดีอีกครั้ง และแจ้งให้กรมบังคับคดีออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่บริษัทอเมริกันฯ มาร่วมตรวจสอบทรัพย์สินที่ยึดไป กระทั่งเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2551 ทางกรมบังคับคดี ได้ออกหมายเรียกบริษัทอเมริกันให้มาดูทรัพย์สินในวันที่ 17 ม.ค. 2551 พอมาดูปรากฏว่า พบทองรูปพรรณที่เป็นของตน ซึ่งบรรจุอยู่ในกระปุกครีมเพียงเท่านั้น แต่ทองรูปพรรณในกระปุกใสนำหนักประมาณ 10 บาท ไม่พบ และไม่มีอยู่ในรายการทรัพย์สินที่ยึดมา
น.ส.สุวรรณีกล่าวว่า จากนั้น ได้ทำเรื่องขอทรัพย์สินคืน แต่กรมบังคับคดีแจ้งว่า ไม่สามารถคืนให้ได้ ต้องไปฟ้องขัดทรัพย์เอง อีกทั้ง เมื่อติดต่อไปทางบริษัทอเมริกันฯ กับเจ้าหน้าที่คนที่ลงชื่อเข้าตรวจยึดไว้ ได้รับการปฏิเสธว่า ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวทรัพย์สินของตน แต่มีพนักงานบริษัทอีก 2 คน ไปรื้อค้นทรัพย์สินในบ้าน ก่อนจะนำมากองรวมกันไว้ ทำให้ทราบว่า ในวันนั้น มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทอเมริกันฯมากกว่า 1 คน เข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 12 ก.พ. ได้เดินทางมายังสน.บางเขน และเข้าสอบถามกับตำรวจ 2 นาย ที่ไปในวันเกิดเหตุ โดยเท่าที่สอบถามก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตรวจยึด เพียงเดิงทางไปรักษาการแค่หน้าบ้านเท่านั้น ในวันนี้ จึงเดินทางมาแจ้งความ กับผู้ที่เข้าไปในบ้านทุกคน
ด้านร.ต.ท.ธนดล กล่าวว่า ได้รับแจ้งความเรื่องดังกล่าวไว้ จากนั้นจะนำเรื่องเสนอให้ทางผู้บังคับบัญชาเป็นผู้พิจารณาต่อว่า จะให้ใครเป็นผู้ดำเนินการอย่างไรต่อไป
