มือมืดวางระเบิดหน้าบริษัทรับสร้างบ้านย่านหลักสี่ เป็นเหตุให้กระถางต้นไม้แตกกระจาย ประตูเหล็กพังเสียหาย โชคดีไม่มีผู้บาดเจ็บ ตร.ตรวจสอบพบเป็นระเบิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ เชื่อคนร้ายเพียงแค่ข่มขู่ไม่ประสงค์เอาชีวิต เตรียมเรียกพยานสอบหาเบาะแสคนร้าย
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 04.00 น. พ.ต.ท.วินิจ ศรีสูงเนิน สารวัตเวร สน.บางเขน รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดหน้าบริษัท พีทีเอสโฮม จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 588/446-48 หมู่บ้านหลักสี่สแควร์ ตรงข้าม ม.ราชภัฎพระนคร ถ.แจ้งวัฒนะ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพประสิทธิพร ผบก.น.2 พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.พัฒนา เพศยนาวิน ผกก.สน.บางเขน เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด บก.ตปพ. และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ปลูกติดกัน 2 คูหา เปิดเป็นบริษัทออกแบบรับสร้างบ้าน ซึ่งมีนายสิวัช ภู่ชนะแสงทอง เป็นเจ้าของ โดยขณะเกิดเหตุไม่อยู่ภายในบริษัทเนื่องจากไปทำธุระที่ต่างจังหวัด ตรวจสอบบริเวณด้านหน้าพบแรงระเบิดทำให้กระถางต้นไม้แตกกระจัดกระจาย ประตูเหล็กเลื่อนได้รับความเสียหาย พบเศษถุงพลาสติกและเศษชิ้นส่วนท่อพีวีซีหล่นกระจายเกลื่อนอยู่ตามพื้น เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้ทราบว่า ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นระเบิดแสวงเครื่องแรงดันต่ำ จุดชนวนด้วยสายชนวนลักษณะคล้ายประทัด ซึ่งคนร้ายได้ประกอบขึ้นเอง โดยอัดดินระเบิดใส่ท่อพีวีซีสีฟ้า ใส่ถุงพลาสติกสีเขียวมาวางไว้ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทั้งนี้ เชื่อว่าคนร้ายไม่ได้ประสงค์เอาชีวิต เพียงแค่ต้องการข่มขู่เท่านั้น เพราะระเบิดที่ใช้มีเพียงแรงอัดแต่ไม่มีสะเก็ดระบิด
พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับเจ้าของบริษัทเรียบร้อยแล้ว และทราบว่ากำลังทำธุระอยู่ต่างจังหวัด สำหรับสาเหตุเนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีปัญหาทางด้านการเงิน มีเจ้าหนี้อยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีปัญหาทั้งกับลูกค้าของบริษัท เจ้าหนี้ซึ่งเป็นบริษัทค้าวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งยังติดค้างค่าจ้างพนักงาน นอกจากนี้ เจ้าของอาคารก็กำลังจะให้ย้ายออกด้วย ซึ่งในการติดตามตัวคนร้ายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เชิญเจ้าของบริษัท พนักงานบริษัท และรปภ.ของหมู่บ้านมาสอบปากคำเพื่อหาเบาะแสของคนร้าย ทั้งนี้ แม้ทางหมู่บ้านจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด แต่เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุมากทำให้มองไม่เห็น