รปภ.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สามีเก่าของรปภ.หญิง เกิดอารมณ์ชั่ววูบหึงหวง ที่เห็นภรรยาเก่านั่งคุยกับกิ๊ก คว้า 11 มม. ตรงเข้าจะยิงกิ๊ก แต่ภรรยาเก่าเอาตัวเข้าขวาง เลยถูกคมกระสุนเจาะทะลวงเข้าหน้าผากเสียชีวิต
วันนี้ (24 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.ปรีชา เอี่ยมพ่อค้า พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตูใหญ่ด้านถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบนถนนสุธรรมอารีกุล ติดกับกับสนามฮ๊อกกี้ ภายในมหาวิทยาลัย ห่างจากประตูทางเข้าประมาณ 50 เมตร บริเวณทางเท้าข้างสนามกีฬาดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดและชิ้นเนื้อมันสมอง นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุน 11 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก หัวกระสุนขนาด 11 มม. จำนวน 1 หัว และกระสุนขนาดเดียวกัน จำนวน 1 นัด จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่า ถูกนำตัวส่งไปโรงพยาบาลวิภาวดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นางสายชล ลาทน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.11 ต.บ้านคิ้ว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รปภ.ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำหน้าที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 11 มม. กระสุนเข้าที่บริเวณหน้าผากทะลุคาง แต่เจ้าตัวทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวน นายประวิทย์ แซ่ซิ้ม อายุ 25 ปี เพื่อน รปภ. ของผู้ตาย ให้การว่า คนก่อเหตุ คือ นายวินัย จันทร์ศร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/4 ม.2 ต.บางพูน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รปภ.ของมหาวิทยาลัย ประจำอยู่บริเวณสระน้ำ และเป็นสามีเก่าของผู้ตาย โดยทั้งสองคนอยู่เคยกินกันมาเป็นเวลา 2- 3 ปี แต่มีปากเสียงกันบ่อยจนเลิกรากันมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว แต่นายวินัยก็ยังตามง้องอนขอคืนดีอยู่เรื่อยมา จนภายหลังนางสายชล ได้มามาคบหากับนายสุทธิชัย จันทร์เพ็ญ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นรปภ.ด้วยกัน ทำให้นายวินัย เกิดความโกรธแค้น และตามราวีนางสายชลเรื่อยมา
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเห็นนางสายชล นั่งคุยอยู่กับ นายสุทธิชัย บริเวณจุดเกิดเหตุ ส่วนตนก็นั่งคุยกับนายวินัย อยุ่ฝั่งตรงข้ามถนน เมื่อนายวินับ เห็นเข้าก็เกิดอาการหึงหวงขึ้นมา จากนั้นนายวินัย ก็ลุกขึ้นไปขี่รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน มมย-927 กทม. ตรงเข้าไปหาทั้ง 2 คน ก่อนจะจอดรถแล้วลงเดินชักอาวุธปืนขึ้นมาเพื่อจะยิงใส่ นายสุทธิชัย แต่นางสายชล ลุกขึ้นมาพยายามจะขัดขวาง ทำให้ถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ขณะที่นายสุทธิชัยพยายามวิ่งหนีและนายวินัยก็วิ่งตามไปยิงแต่ไม่ทัน นายวินัยจึงรีบขี่รถ จยย.หลบหนีอกไปทางประตูฝั่งถนนวิภาวดีฯ
ด้าน พ.ต.ท.ปรีชา กล่าว่า หลังเกิดเหตุได้นำพยานที่เห็นเหตุการณ์ 2 คน ไปสอบปากคำที่สน.บางเขน โดยสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากการหึงหวง ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อและที่อยู่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะขออนุมัติออกหมายจับจากศาลในวันนี้ คาดว่าคนร้ายน่าจะยังหลบหนีไปไม่ไกล โดยจะประสานให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (24 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.ปรีชา เอี่ยมพ่อค้า พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุหญิงสาวถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ประตูใหญ่ด้านถนนวิภาวดีรังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ชีพมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุบนถนนสุธรรมอารีกุล ติดกับกับสนามฮ๊อกกี้ ภายในมหาวิทยาลัย ห่างจากประตูทางเข้าประมาณ 50 เมตร บริเวณทางเท้าข้างสนามกีฬาดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบเพียงกองเลือดและชิ้นเนื้อมันสมอง นอกจากนี้ยังพบปลอกกระสุน 11 มม.ตกอยู่ 1 ปลอก หัวกระสุนขนาด 11 มม. จำนวน 1 หัว และกระสุนขนาดเดียวกัน จำนวน 1 นัด จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้บาดเจ็บทราบว่า ถูกนำตัวส่งไปโรงพยาบาลวิภาวดีไปก่อนหน้านี้แล้ว ทราบชื่อต่อมาคือ นางสายชล ลาทน อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.11 ต.บ้านคิ้ว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รปภ.ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำหน้าที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืน ขนาด 11 มม. กระสุนเข้าที่บริเวณหน้าผากทะลุคาง แต่เจ้าตัวทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบสวน นายประวิทย์ แซ่ซิ้ม อายุ 25 ปี เพื่อน รปภ. ของผู้ตาย ให้การว่า คนก่อเหตุ คือ นายวินัย จันทร์ศร อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36/4 ม.2 ต.บางพูน อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รปภ.ของมหาวิทยาลัย ประจำอยู่บริเวณสระน้ำ และเป็นสามีเก่าของผู้ตาย โดยทั้งสองคนอยู่เคยกินกันมาเป็นเวลา 2- 3 ปี แต่มีปากเสียงกันบ่อยจนเลิกรากันมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว แต่นายวินัยก็ยังตามง้องอนขอคืนดีอยู่เรื่อยมา จนภายหลังนางสายชล ได้มามาคบหากับนายสุทธิชัย จันทร์เพ็ญ อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นรปภ.ด้วยกัน ทำให้นายวินัย เกิดความโกรธแค้น และตามราวีนางสายชลเรื่อยมา
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเห็นนางสายชล นั่งคุยอยู่กับ นายสุทธิชัย บริเวณจุดเกิดเหตุ ส่วนตนก็นั่งคุยกับนายวินัย อยุ่ฝั่งตรงข้ามถนน เมื่อนายวินับ เห็นเข้าก็เกิดอาการหึงหวงขึ้นมา จากนั้นนายวินัย ก็ลุกขึ้นไปขี่รถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน มมย-927 กทม. ตรงเข้าไปหาทั้ง 2 คน ก่อนจะจอดรถแล้วลงเดินชักอาวุธปืนขึ้นมาเพื่อจะยิงใส่ นายสุทธิชัย แต่นางสายชล ลุกขึ้นมาพยายามจะขัดขวาง ทำให้ถูกยิงจนบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว ขณะที่นายสุทธิชัยพยายามวิ่งหนีและนายวินัยก็วิ่งตามไปยิงแต่ไม่ทัน นายวินัยจึงรีบขี่รถ จยย.หลบหนีอกไปทางประตูฝั่งถนนวิภาวดีฯ
ด้าน พ.ต.ท.ปรีชา กล่าว่า หลังเกิดเหตุได้นำพยานที่เห็นเหตุการณ์ 2 คน ไปสอบปากคำที่สน.บางเขน โดยสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าน่าจะเกิดจากการหึงหวง ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อและที่อยู่แล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะขออนุมัติออกหมายจับจากศาลในวันนี้ คาดว่าคนร้ายน่าจะยังหลบหนีไปไม่ไกล โดยจะประสานให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
