นายยาสึมาซะ อาซาอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มอส ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของสิทธิ์ร้านมอสเบอร์เกอร์ในไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้ต้นทุนการดำเนินการโดยเฉพาะในเรื่องของวัตถุดิบอาหารนั้นมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินงานอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นแป้ง ที่ขึ้นถึง 50% น้ำมัน 45% รวมทั้งซอสและค่าขนส่งอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งในตลาดเบอร์เกอร์นี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ปรับราคาไปแล้ว 4-5% เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ของมอสเบอร์เกอร์ในประเทศญี่ปุ่นเองก็การปรับราคาขึ้นไปบ้างแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ปรับราคาผลิตภัณฑ์ของมอสเบอร์เกอร์ในปีนี้ โดยราคาอยู่ระหว่าง 49-79 บาท แต่คาดว่าภายในปีหน้าอาจจะมีการปรับราคาขึ้นบ้างประมาณ 4-5% เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากบริษัทใช้วัตถุดิบในไทยเป็นหลักกว่า 95% เพราะไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเข้ามาได้ เพราะอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 35%
แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ยังมั่นใจว่า ตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีนโยบายที่จะส่งเสริมร้านอาหารของญี่ปุ่นเข้ามาเปิดดำเนินการในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ปัจจุบันในไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นประมาณ 900 แห่ง คาดว่าในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 แห่ง ทั้งจากแบรนด์โลคอลเองของคนไทยกับแบรนด์ที่มาจากประเทศญี่ปุ่นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างน้อย 2 แบรนด์ใหญ่ได้เข้ามาเปิดตลาดไทยแล้ว เช่น ร้านไมโดะ ซึ่งค่ายโออิชิเป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์มาเปิด คาดว่า สาขาแรกจะเปิดกลางปีนี้ และร้านเปปเปอร์ลั้นช์ ซึ่งค่ายเซ็นทรัลซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาเปิดบริการสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ปีที่แล้ว
นายยาสึมาซะ กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในไทย ว่า หลังจากเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ปีที่แล้ว ปีนี้มีแผนขยายสาขามอสเบอร์เกอร์อีก 5 สาขา งบลงทุนรวม 60 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดไปแล้ว คือ เซ็นทรัลชิดลม และสยามพารากอน (คาดว่า จะทำรายได้สูงที่สุดของมอสเบอร์เกอร์ทั่วโลก) ส่วนต่อไปจะเปิดที่สยามสแควร์ ทองหล่อ และ เอ็มโพเรียม ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 170 ล้านบาท และตั้งงบการตลาดไว้ 5 ล้านบาท และจะขยายให้ครบ 10 สาขาภายใน 3 ปี
ขณะเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ของมอสเบอร์เกอร์ในประเทศญี่ปุ่นเองก็การปรับราคาขึ้นไปบ้างแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่ปรับราคาผลิตภัณฑ์ของมอสเบอร์เกอร์ในปีนี้ โดยราคาอยู่ระหว่าง 49-79 บาท แต่คาดว่าภายในปีหน้าอาจจะมีการปรับราคาขึ้นบ้างประมาณ 4-5% เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากบริษัทใช้วัตถุดิบในไทยเป็นหลักกว่า 95% เพราะไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบจากญี่ปุ่นเข้ามาได้ เพราะอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 35%
แม้ต้นทุนจะเพิ่มขึ้น แต่ยังมั่นใจว่า ตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเองก็มีนโยบายที่จะส่งเสริมร้านอาหารของญี่ปุ่นเข้ามาเปิดดำเนินการในประเทศไทยมากขึ้นด้วย ปัจจุบันในไทยมีร้านอาหารญี่ปุ่นประมาณ 900 แห่ง คาดว่าในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 แห่ง ทั้งจากแบรนด์โลคอลเองของคนไทยกับแบรนด์ที่มาจากประเทศญี่ปุ่นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มีร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างน้อย 2 แบรนด์ใหญ่ได้เข้ามาเปิดตลาดไทยแล้ว เช่น ร้านไมโดะ ซึ่งค่ายโออิชิเป็นผู้ได้ลิขสิทธิ์มาเปิด คาดว่า สาขาแรกจะเปิดกลางปีนี้ และร้านเปปเปอร์ลั้นช์ ซึ่งค่ายเซ็นทรัลซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาเปิดบริการสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ปีที่แล้ว
นายยาสึมาซะ กล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในไทย ว่า หลังจากเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลเวิลด์ปีที่แล้ว ปีนี้มีแผนขยายสาขามอสเบอร์เกอร์อีก 5 สาขา งบลงทุนรวม 60 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดไปแล้ว คือ เซ็นทรัลชิดลม และสยามพารากอน (คาดว่า จะทำรายได้สูงที่สุดของมอสเบอร์เกอร์ทั่วโลก) ส่วนต่อไปจะเปิดที่สยามสแควร์ ทองหล่อ และ เอ็มโพเรียม ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 170 ล้านบาท และตั้งงบการตลาดไว้ 5 ล้านบาท และจะขยายให้ครบ 10 สาขาภายใน 3 ปี