xs
xsm
sm
md
lg

AFET ดึงสัดส่วนต่างชาติเพิ่ม ตั้งเป้าอีก 3 ปีมาร์เกตแชร์ถึง 5%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

AFET มุ่งพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ รับเป็นเจ้าภาพจัดประชุม AFM ครั้งที่ 11 ขณะที่เอ็มดีคนใหม่ "นิทัศน์ ภัทรโยธิน" ขานรับต้องเร่งสร้างความรู้ให้กับนักลงทุนและผู้ประกอบ พร้อมเตรียมดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อขายมากขึ้น เพิ่มสัดส่วนเป็น 5% ภายใน 3 ปี พร้อมวอนรัฐบาลชุดใหม่สนับสนุนเพื่อให้การพัฒนาตลาดเป็นไปตามแผนงานที่ตั้งไว้

พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานประชุม "11 th Annual Conference of the Association of Futures Markets" หรือ AFM ครั้งที่ 11 ว่า การจัดประชุมครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างความรู้ด้านการลงทุนด้านตลาดอนุพันธ์ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการ ยังมีผู้ประกอบการบางส่วนที่ยังขาดความรู้และประสบการณ์ในการซื้อขายล่วงหน้า

ทั้งนี้ สินค้าเกษตรมีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรหลายรายการ ซึ่งอาจจะได้รับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าเกษตร ดังนั้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญในการช่วยตลาดจริงกับผู้ประกอบการ เป็นกลไกการบริหารความเสี่ยงจากราคาขึ้นลงของสินค้า

นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กล่าวว่า งานประชุม AFM ครั้งที่ 11 จะมีตัวแทนจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมกว่า 30 ประเทศ ระหว่างวันที่ 20 -22 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือเป็นงานประชุมระดับโลกเกี่ยวกับตลาดล่วงหน้า เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความคิดเห็นด้านการพัฒนา ตลอดจนความร่วมมือในการดำเนินกิจการด้านต่างๆ

"งานประชุมนี้เราจะได้ประโยชน์อย่างมากในการสร้างสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายกับผู้บริหารจากตลาดล่วงหน้าชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น Chicago Mercantile Exchange (CME), NYSE Euronext, Swiss Futures and Options Association (SFOA), Taiwan Futures Exchange, และจากที่อื่นๆ ซึ่งเข้าร่วมงานกว่า 100 คน"

โดยในการประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และแสวงหาแนวทางความร่วมมือกันในด้านต่างๆ หลายเรื่อง โดยมีหัวข้อสำคัญคือ ความท้าทายของตลาดล่วงหน้าของไทย และการพัฒนาการซื้อขายล่วงหน้าในเอเชีย ซึ่งมุ่งหวังว่าในอนาคตการซื้อขายล่วงหน้าจะเป็นระดับสากล เชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก และ AFET ในฐานะตลาดล่วงหน้าแห่งแรกของไทย ก็พร้อมที่จะหารือกับประเทศต่างๆ เพื่อสร้างมิติใหม่ให้กับตลาดล่วงหน้าของไทย และสร้างความร่วมมือระหว่างตลาดในการพัฒนาการซื้อขายล่วงหน้า

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญในการพัฒนาตลาดล่วงหน้า คือ การให้ความรู้ ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือในการซื้อขาย และประโยชน์ของการเข้ามาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าว่าสามารถช่วยลดความผันผวนของราคาสินค้าและค่าเงิน เช่นเดียวกับการโปรโมทให้ต่างชาติเห็นถึงศักยภาพและความน่าสนใจของตลาดล่วงหน้าไทย รวมถึงการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้ามาตลาด ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการนำปาล์มน้ำมัน และน้ำตาล ซึ่งเป็นพืชพลังงานทดแทนที่ราคาเริ่มสูงขึ้น และมีปริมาณการผลิตมากขึ้น เข้ามาทำการซื้อขายใน AFET

"จากที่ได้เข้าประชุมนักลงทุนต่างชาติมีความสนใจเข้ามาในลงทุนใน AFET มากขึ้น ซึ่งเราตั้งเป้าว่าภายใน2-3 ปี จะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติให้ได้ 5% จากเดิมที่ 1-2% โดยมุ่งเน้นนักลงทุนในเอเชียเป็นหลักก่อน ขณะที่ในปีนี้ตั้งเป้าเติบโตจากปีก่อนที่ 10% โดยในปี 50 มีการซื้อขายเฉลี่ยประมาณ 5 พันสัญญาต่อเดือน มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปี 51 ถึงปัจจุบันเรามีการมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยประมาณวันละ 200 ล้านบาท" นายนิทัศน์กล่าว

นายสนิท วรปัญญา ประธานกรรมการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) กล่าวถึง กรณีที่ได้รับเกียรติจากสมาคม (the Association of Futures Markets) ให้ดำรงตำแหน่งประธาน AFM คนใหม่นับตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 51 โดยมีวาระ 1 ปี ว่า เป็นโอกาสดีที่จะทำให้ต่างชาติรู้จักตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยดีขึ้น รวมทั้งสามารถประสานงานและแลกเปลี่ยนแนวความคิดระหว่างกันได้ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทยอย่างมาก ในขณะเดียวกันต้องเร่งสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักลงทุนรวมถึงผู้ประกอบการในการเข้ามาซื้อขายในตลาดฯ

อย่างไรก็ดี ภาพเศรษฐกิจของประเทศต้องมีความมั่นคง ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และรัฐบาลมีเสถียรภาพ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นและกล้าที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ขณะที่รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนการพัฒนาตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าอย่างเต็มที่ ทั้งด้านงบประมาณและการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็ว
กำลังโหลดความคิดเห็น