ธุรกิจโรงแรมอาการหนัก ทีเอชเอหมดท่า ดึงโรงแรมเกิดใหม่เข้าเป็นสมาชิกไม่ได้ ส่งผลซัพพลายเกินดีมานด์ในหลายพื้นที่ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก เชียงใหม่ พัทยา ส่งผลช่วงโลว์ซีซั่น ย่ำแย่ ถล่มสงครามราคา เผยเตรียมมาตรการออกใบการันตีมาตรฐานสู้ศึก ชิงตลาดคืน พร้อมร้องรัฐบาลใหม่ ช่วยคุมกำเนิดเร่งด่วน
นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณโรมแรมที่ไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางพื้นที่มีปริมาณมากกว่าโรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย เช่น ภาคตะวันตก ซึ่งมีกว่า 4 พันห้อง ส่วนโรงแรมที่เป็นสมาชิกมีเพียงกว่า 3 พันห้อง นอกจากนั้น ยังมีที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่พัทยา และ ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกลุ่มโรงแรมดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมเปิดใหม่ ที่มีขนาดเล็ก 30-40 ห้องพักต่อแห่ง แต่มีการาตกแต่งหรูหรา เป็นฮิบโฮเทล และ บูติกรีสอร์ท แอนด์สปา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ที่ชอบความเป็นส่วนตัว
จากข้อมูลดังกล่าว จึงมีความกังวลว่า การไม่เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย จะก่อให้เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ได้ง่าย เพราะไม่สามารถควบคุมปริมาณห้องพักให้พอดีกับนักท่องเที่ยว และจะก่อให้เกิดปัญหาหนักช่วงโลว์ซีซั่น เกิดการขายตัดราคา ทำให้โครงสร้างระบบราคาเสียหาย ไม่สามารถกำหนดราคาได้ตามความเป็นจริง
ดังนั้นจึงได้มีการหารือกันในคณะกรรมการของสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เพื่อหาแนวทางป้องกันหรือชะลอสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมล้นเมืองอยู่ในขณะนี้ โดย จะทำเรื่องผ่านนายกสมาคมโรงแรมไทย เพื่อขอความร่วมมือกับภาครัฐ ในการควบคุมการเกิดใหม่ของโรงแรม นอกจากนั้น ทางสมาคม ได้จัดเตรียมโครงการมาตรฐานโรงแรมไทย พร้อมกับประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ผ่านเครือข่ายทั่วโลก รับประกันโดยสมาคมโรงแรมไทย ว่า โรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคม จะมีมาตรฐานในทุกระดับดาว มีราคาและบริการที่ยุติธรรม นอกจากนั้นจะมีการแจ้งข่าวและอบรมกับสมาชิกให้ปรับปรุงบริการ และโปรดักส์ให้ตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยว สร้างความประทับใจเพื่อให้เกิดการบอกต่อ
นายวสันต์ กล่าวว่า ทางทีเอชเอ พยายายาม เจรจาให้โรงแรมที่เกิดใหม่ เข้ามาเป็นสมาชิก เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้สถานการณ์ที่แท้จริง ขณะเดียวกัน ทาง ทีเอชเอ ก็จะช่วยเรื่องของการทำตลาด และโรดโชว์ แต่ ก็ยังไม่เป็นที่ดึงดูดให้โรงแรมเกิดใหม่ เข้ามาเป็นสมาชิก สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้แก่ ทีเอชเอ แต่ทางเราก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่า จะนำเงินที่ได้เก็บมาใช้ประโยชน์เพื่อสมาชิกแบบใดบ้าง ส่วนสาเหตุอื่นๆและเป็นสาเหตุหลัก คือ โรงแรมเกิดใหม่เห็นว่า ปัจจุบัน สามารถทำตลาดและขายห้องพักผ่านเว็บไซน์ ในรูปแบบ อีมาร์เก็ตติ้งได้เอง นอกจากนั้นยังขายผ่านทราเวลเอเยน กลุ่มเป้าหมาย คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มเอฟไอที ที่เดินทางด้วยตัวเอง เพราะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จึงไม่ค่อยสนใจกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งการทำตลาดแบบนี้ ก็จะสามารถกำหนดราคาห้องพักได้สูง เฉลี่ยห้องละ 3-8 พันบาทต่อคืน โดยลืมคำนึงถึงปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย ในอนาคต
“ยอมรับว่า จำนวนโรงแรมที่เพิ่มขึ้นมาก่อให้เกิดการขายตัดราคา โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น เห็นได้ชัดที่เชียงใหม่ และพัทยา ส่วนภาคตะวันตกแถบเพชรบุรี ชะอำ ประจวบฯ ยังมีตลาดคนไทยและประชุมสัมมนาเข้ามาใช้บริการ จึงไม่น่าห่วงมากนัก เบื้องต้น นายกสมาคมโรงแรมไทยแต่ละภาคก็ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอควบคุมการก่อสร้างโรงแรมใหม่ๆ ซึ่งภาครัฐก็รับฟัง แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ทั้งหมด ซึ่งอาจต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาจัดระบบดังกล่าวนี้ด้วย” นายวสันต์กล่าว
ปัจจุบันโรงแรมทั่วประเทศมีจำนวนห้องพักกว่า 3แสนห้อง และปีนี้ คาดว่าจะมีโรงแรมใหม่เปิดให้บริการอีกกว่า 3-4% จากจำนวนเดิมที่มีอยู่ หรือกว่า 1.2 หมื่นห้อง ซึ่งยังไม่นับรวมเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และคอนโดเทล ที่ให้บริการห้องพักรายวัน ตรงนี้จึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแล เพราะผู้เสียหายคือโรงแรมที่เป็นของคนไทย ส่วนโรงแรมที่มีเชนบริหาร เขาจะมีระบบการตลาดที่คลุมได้ทั่วโลก ซึ่งจะดีกว่าของคนไทย จึงไม่กระทบมากนัก
นายวสันต์ กิตติกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันตก เปิดเผยว่า ปัจจุบันปริมาณโรมแรมที่ไม่ได้เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบางพื้นที่มีปริมาณมากกว่าโรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย เช่น ภาคตะวันตก ซึ่งมีกว่า 4 พันห้อง ส่วนโรงแรมที่เป็นสมาชิกมีเพียงกว่า 3 พันห้อง นอกจากนั้น ยังมีที่ภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่พัทยา และ ที่ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกลุ่มโรงแรมดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นโรงแรมเปิดใหม่ ที่มีขนาดเล็ก 30-40 ห้องพักต่อแห่ง แต่มีการาตกแต่งหรูหรา เป็นฮิบโฮเทล และ บูติกรีสอร์ท แอนด์สปา ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ที่ชอบความเป็นส่วนตัว
จากข้อมูลดังกล่าว จึงมีความกังวลว่า การไม่เข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโรงแรมไทย จะก่อให้เกิดโอเวอร์ซัพพลาย ได้ง่าย เพราะไม่สามารถควบคุมปริมาณห้องพักให้พอดีกับนักท่องเที่ยว และจะก่อให้เกิดปัญหาหนักช่วงโลว์ซีซั่น เกิดการขายตัดราคา ทำให้โครงสร้างระบบราคาเสียหาย ไม่สามารถกำหนดราคาได้ตามความเป็นจริง
ดังนั้นจึงได้มีการหารือกันในคณะกรรมการของสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) เพื่อหาแนวทางป้องกันหรือชะลอสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมล้นเมืองอยู่ในขณะนี้ โดย จะทำเรื่องผ่านนายกสมาคมโรงแรมไทย เพื่อขอความร่วมมือกับภาครัฐ ในการควบคุมการเกิดใหม่ของโรงแรม นอกจากนั้น ทางสมาคม ได้จัดเตรียมโครงการมาตรฐานโรงแรมไทย พร้อมกับประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ผ่านเครือข่ายทั่วโลก รับประกันโดยสมาคมโรงแรมไทย ว่า โรงแรมที่เป็นสมาชิกของสมาคม จะมีมาตรฐานในทุกระดับดาว มีราคาและบริการที่ยุติธรรม นอกจากนั้นจะมีการแจ้งข่าวและอบรมกับสมาชิกให้ปรับปรุงบริการ และโปรดักส์ให้ตรงตามความต้องการของนักท่องเที่ยว สร้างความประทับใจเพื่อให้เกิดการบอกต่อ
นายวสันต์ กล่าวว่า ทางทีเอชเอ พยายายาม เจรจาให้โรงแรมที่เกิดใหม่ เข้ามาเป็นสมาชิก เพื่อให้ทุกฝ่ายรู้สถานการณ์ที่แท้จริง ขณะเดียวกัน ทาง ทีเอชเอ ก็จะช่วยเรื่องของการทำตลาด และโรดโชว์ แต่ ก็ยังไม่เป็นที่ดึงดูดให้โรงแรมเกิดใหม่ เข้ามาเป็นสมาชิก สาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียให้แก่ ทีเอชเอ แต่ทางเราก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่า จะนำเงินที่ได้เก็บมาใช้ประโยชน์เพื่อสมาชิกแบบใดบ้าง ส่วนสาเหตุอื่นๆและเป็นสาเหตุหลัก คือ โรงแรมเกิดใหม่เห็นว่า ปัจจุบัน สามารถทำตลาดและขายห้องพักผ่านเว็บไซน์ ในรูปแบบ อีมาร์เก็ตติ้งได้เอง นอกจากนั้นยังขายผ่านทราเวลเอเยน กลุ่มเป้าหมาย คือ นักท่องเที่ยวกลุ่มเอฟไอที ที่เดินทางด้วยตัวเอง เพราะเป็นโรงแรมขนาดเล็ก จึงไม่ค่อยสนใจกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งการทำตลาดแบบนี้ ก็จะสามารถกำหนดราคาห้องพักได้สูง เฉลี่ยห้องละ 3-8 พันบาทต่อคืน โดยลืมคำนึงถึงปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย ในอนาคต
“ยอมรับว่า จำนวนโรงแรมที่เพิ่มขึ้นมาก่อให้เกิดการขายตัดราคา โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น เห็นได้ชัดที่เชียงใหม่ และพัทยา ส่วนภาคตะวันตกแถบเพชรบุรี ชะอำ ประจวบฯ ยังมีตลาดคนไทยและประชุมสัมมนาเข้ามาใช้บริการ จึงไม่น่าห่วงมากนัก เบื้องต้น นายกสมาคมโรงแรมไทยแต่ละภาคก็ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอควบคุมการก่อสร้างโรงแรมใหม่ๆ ซึ่งภาครัฐก็รับฟัง แต่ไม่สามารถยับยั้งได้ทั้งหมด ซึ่งอาจต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาจัดระบบดังกล่าวนี้ด้วย” นายวสันต์กล่าว
ปัจจุบันโรงแรมทั่วประเทศมีจำนวนห้องพักกว่า 3แสนห้อง และปีนี้ คาดว่าจะมีโรงแรมใหม่เปิดให้บริการอีกกว่า 3-4% จากจำนวนเดิมที่มีอยู่ หรือกว่า 1.2 หมื่นห้อง ซึ่งยังไม่นับรวมเซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และคอนโดเทล ที่ให้บริการห้องพักรายวัน ตรงนี้จึงต้องการให้ภาครัฐเข้ามาดูแล เพราะผู้เสียหายคือโรงแรมที่เป็นของคนไทย ส่วนโรงแรมที่มีเชนบริหาร เขาจะมีระบบการตลาดที่คลุมได้ทั่วโลก ซึ่งจะดีกว่าของคนไทย จึงไม่กระทบมากนัก