xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ประจวบฯเอาบ้าง! ยัดยาบ้าไถเงินเหยื่อโผล่ร้อง “เสรีพิศุทธ์”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


หนุ่มอัมพวา ร้องทุกข์ “เสรีพิศุทธ์” ช่วยด้วย! ถูกตำรวจประจวบฯ อุ้มไปซ้อมยัดยาบ้า ไถเงิน 1.5 แสน ร้องทุกข์แต่เรื่องกลับเงียบ

วันนี้ (11 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายธนเดช ปิติพลสกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50 หมู่ 10 ต.สวนหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม อาชีพรับเหมามุงหลังคาบ้าน เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ตนเองถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุม อุ้มตัวไปซ้อมทำร้ายร่างกายและบังคับให้รับสารภาพ ว่า มียาบ้าไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 2 เม็ด รวมถึงมีการข่มขู่กรรโชกเรียกเอาทรัพย์สิน

นายธนเดช กล่าวว่า ตนเองถูกเองจับกุมเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2549 โดยมี พ.ต.ท.พัชรพงษ์ รบอาจ พงส.สบ 2 สภ.หัวหิน และพวก เป็นคนจับกุม ซึ่งตอนที่มาจับกุมนั้นตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์ อยู่ที่สี่แยกบ่อฝ้าย จากนั้นก็มีรถกระบะเชฟโรเลต สีบรอนซ์เงิน ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนขับปาดหน้า จากนั้นมีชาย 3 คน คนขับหนึ่งคน อีก 2 คนลงมาล็อก และอุ้มใส่รถพร้อมทั้งนั่งทับหัว จากนั้นคนที่นั่งทับหัวตนเองอยู่ก็ถามว่าของอยู่ที่ไหน ตนเองก็งง เพราะไม่รู้เรื่อง จากนั้นชายทั้ง 3 คนก็นำตัวไปที่ตึกแห่งหนึ่ง ทราบภายหลังคือเป็นสถานบันเทิงชื่อเพชรบาร์เบอร์ ทำการถอดเสื้อผ้าใส่กุญแจมือแขวนไว้ที่ประตูบ้านเลื่อน เอาผ้าม่านปิดตา และทำการซ้อม และถามว่าของอยู่ไหน เมื่อบอกว่าไม่รู้ ก็บอกว่าของของเขามีเยอะเดี๋ยวจัดให้

นายธนเดช กล่าวอีกว่า เมื่อตนเองไม่ยอมรับสารภาพ ตำรวจก็ขู่ว่าจะซ้อมอีก ตนเองทนเจ็บไม่ไหว จึงเซ็นรับสารภาพว่ามียาบ้า 2 เม็ด จากนั้นตำรวจชุดจับกุมก็ได้นำตนเองส่งให้ พ.ต.ท.กิจจา เขตเจริญรัตน์ ซึ่งเป็นร้อยเวรในขณะนั้น พ.ต.ท.กิจจา บอกว่า ถ้ามีเงิน 5 หมื่นจะหลุดคดี จากนั้น พ.ต.ท.กิจจา ก็โทร.หาคนที่จับตนเองบอกว่าต้องมี 3 แสนถึงจะจบได้ พ.ต.ท.กิจจา ก็บอกว่า ถ้ามี 1.5 แสน จะช่วยคุยกับตำรวจที่จับมาให้ จากนั้นก็ให้ตนเองโทรศัพท์หาญาติให้หาเงินมาให้ พอตอนเช้าตนเองยังไม่เงินก็ถูกนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำ จ.ประจวบฯ

“หลังถูกจับกุมพี่ชายผมก็ได้พบกับ พ.ต.ท.กิจจา อีก ซึ่งทาง พ.ต.ท.กิจจา บอกว่า ต้องมีเงิน 1.5 แสนขึ้นไป เพราะต้องแบ่งให้หลายฝ่าย พี่ชายก็ได้กลับมาปรึกษากับญาติพี่น้อง ซึ่งคิดว่าคงหาเงินไม่ทัน จึงได้โทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือที่กองปราบปราบและเล่าเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทางกองปราบปราบก็โทร.ไปที่ พ.ต.ท.กิจจา ทำให้ พ.ต.ท.กิจจา ไม่โทร.มาหา และไม่พูดเรื่องเงินอีก” นายธนเดช กล่าว

นายธนเดช กล่าวต่อว่า หลังจากนั้น ก็มีการต่อสู้คดีจนกระทั่งวันที่ 11 ต.ค.ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และเมื่อวันที่ 19 พ.ย.2550 ได้มีการเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.กิจจา เขตเจริญรัตน์ กับพวกรวม 6 คน ในข้อหาร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่ได้กระทำความผิด ร่วมกันทำร้ายร่างกาย และในวันที่ 10 ม.ค.2551 ก็ได้แจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป.ให้ดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ รบอาจ กับพวก 12 คนในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ ก็เคยมาร้องทุกข์ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2550 รวมทั้งกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 7 และหน่วยงานอื่นๆ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าจนถึงขณะนี้

“ส่วนตัวก็ไม่มั่นใจการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนชุดที่ บช.ภ.7 ตั้งขึ้น เนื่องจากเกรงว่าจะมีการช่วยเหลือกัน จึงเข้ามาร้องทุกข์ และขอให้เร่งรัดดำเนินการสอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริง ผมยังยืนยันว่า ผมไม่เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเคยรู้จักกับกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าว และระบุว่า การเข้าร้องเรียนครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของแก๊ง ตชด.ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ผู้ต้องอุ้มเรียกค่าไถ่ยัดยาเสพติดแต่อย่างใด” นายธนเดช กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น