“ธานี” เรียกประชุมคดี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ทั่วประเทศ สั่งทุก บช.ตั้งคณะกรรมการสอบเอง สรุปร้องเรียนแก๊ง ตชด.60 คดี ภาค 8 มากสุด 39 คดี ร้องเอาผิดอีก 3 รอง สว.ตชด.41 พฤติกรรมคล้าย ร.ต.อ.ณัฏฐ์ อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ยันยังไม่มีนายพลเอี่ยวเซ็นชื่อบันทึกจับกุม กำชับ น.เร่งจับกุม 8 ตชด.ที่ขอเลื่อนการมอบตัว โดยไม่ต้องรอ
วันนี้ (8 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร.สส.ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนทั่วประเทศที่เกี่ยวข้องกับคดี ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ชลนิธิวณิชย์ ผบ.หมวด.426 กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน (กก.ตชด.) 42 จ.นครศรีธรรมราช ช่วยราชการ กก.ตชด.41 จ.ชุมพร ก่อเหตุ ปล้น อุ้ม เรียกค่าไถ่ และรีดทรัพย์เหยื่อ เพื่อวางแนวทางการสืบสวนให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันโดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.ธานี กล่าวภายหลังการประชุมว่า วันนี้ได้ให้เรียกแต่ละกองบัญชาการที่มีคดีเกี่ยวข้องกับร.ต.อ.ณัฏฐ์ ไม่ว่าจะเป็น บช.น. บช.ก. บช.ปส. บช.ภ.1 บช.ภ.2 บช.ภ.7 บช.ภ.8 บช.ภ.9 มาประชุมพร้อมกันเพื่อวางแนวทางการสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งแนวทางการสืบสวนได้ตกลงกันว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับ ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้วมีประมาณไม่เกิน 10 คดี จะขอ ป.ป.ช.กลับมาทำการสอบสวนเอง ส่วนคดีที่กำลังทำอยู่ก็จะขอปปช.ทำเองให้เสร็จสิ้นจนส่งฟ้องได้ และให้ทุกกองบัญชาการตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ในส่วนของระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะตั้งคณะทำงานดูแลควบคุมบริหารการสอบสวนขึ้นมาอีกชุด โดยให้ พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ และพล.ต.ท.วันชัย ศรีนวลนัด ควบคุมดูแลอีกส่วนหนึ่งขึ้นตรงกับตนเอง
พล.ต.อ.ธานี กล่าวต่อว่า สำหรับตอนนี้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้นทุกวัน ถึงขณะนี้ที่ได้รับคำร้องทุกข์ไว้แล้ว 60 คดี แยกเป็น บช.น.10 คดี บช.ภ.1 จำนวน 3 คดี บช.ภ.2 จำนวน 1 คดี บช.ภ.7 จำนวน 6 คดี บช.ภ.8 จำนวน 39 คดี และบช.ภ.9 จำนวน 1 คดี ซึ่งในที่ประชุมได้นำแต่ละคดีมาดูว่าพยานหลักฐานเป็นอย่างไร ให้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานไปตามข้อเท็จจริง ตามพยานหลักฐานที่มี ให้ทำใจเป็นกลางมั่นคง ไม่โอนเอียง เรื่องนี้ไม่ต้องมีนโยบายให้สอบสวนอย่างไร ให้สอบตามความเป็นธรรมพยานหลักฐานมีแค่ไหนก็เป็นไปตามนั้น ถึงตอนนี้ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าผิดจริงหรือไม่ผิดจริง มีเพียง คดีที่สน.บางพลัดและที่สน.เพชรเกษมเท่านั้นที่มีพยานหลักฐานออกหมายจับได้ แต่ในคดีอื่นๆ ยังรวบรวมพยานหลักฐานไม่พอที่จะออกหมายจับต้องทำงานต่อไป ซึ่งไม่ได้กำหนดระยะเวลาแต่ก็เร่งรัดให้เสร็จโดยเร็ว
“ใน 60 คดีที่รับคำร้องทุกข์ไว้แล้วนั้น นอกจากร้องเรียน ร..ต.อ.ณัฏฐ์ แล้วยังมีนายตำรวจคนอื่นๆ รวมแล้ว อีก 3 คน เป็นรอง สว.ผบ.หมวด ตชด.41 มีการร้องเรียนทำผิดในพื้นที่ ภ.8 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการร้องเรียนเป็นลักษณะคล้ายๆ กับที่ร้องเรียน ร.ต.อ.ณัฏฐ์ ซึ่งทุกเรื่องได้แยกทำคดีให้แต่ละกองบัญชาการไปดำเนินการสอบสวนให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว และให้ดูพยานหลักฐานคดีไหนจริงไม่จริงอย่างไร แต่ถึงขณะนี้ก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีการสวมรอยมาร้องทุกข์หรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวน ยังชี้ชัดไม่ได้ แต่คดียอมรับว่า มีผู้เสียหายร้องเรียนเยอะซึ่งก็ถือว่าไม่ปกติ แต่เชื่อว่าผู้เสียหายไม่มีการทำเป็นขบวนการหรือฮั้วมาร้องเรียนแต่อย่างใด เพราะแต่ละคนก็ไม่ได้รู้จักกัน” รอง ผบ.ตร.กล่าว
รอง ผบ.ตร.ผู้นี้กล่าวต่อว่า ได้กำชับในส่วนของ บช.น.ที่มีการออกหมายจับไว้ ให้เร่งสืบสวนจับกุมตัว ไม่ต้องรอให้ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว อย่างวันนี้ที่มีข่าวจะเข้ามอบตัวก็ขอเลื่อน จึงไม่ต้องรอให้มอบตัว ให้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี ถึงตอนนี้คดีที่ สน.บางพลัด และสน.เพชรเกษม ก็มีผู้ต้องหากว่า 30 รายแล้ว ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายไปแจ้งความเอาผิดถึง พล.ต.ต.นั้น เป็นเพียงรายชื่อที่อยู่ในบันทึกการจับกุม ซึ่งอยู่ภายใต้การอำนวยการ ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงในคดีอาญา แต่ทางวินัยก็มีคณะทำงานอีกชุดดูอยู่ ซึ่งดูทุกคดีที่มีการร้องเรียนเข้ามาตรวจสอบแล้วไม่มีบันทึกการจับกุมไหนที่มีนายพลเซ็นชื่อจับกุม ถึงตอนนี้ก็มีเพียง พ.ต.ท.สุรกิตติ์ คล้ายอุดม เท่านั้นที่เข้าไปเกี่ยวข้องและได้จับกุมไปแล้ว