รถไฟฟ้าใต้ดิน จ่อขยับขึ้นค่าโดยสารอีก 16-42 บาท คาดเริ่มได้ 3 ก.ค.นี้ ผู้บริหารฯ มั่นใจไม่กระทบจำนวนผู้โดยสาร คาดรายได้โตอีกวันละ 2 แสนบาท ตั้งเป้าปี 51 ผู้โดยสารแตะ 210,000 คนต่อวัน รายได้พุ่งอีก 10% ล่าสุด เตรียมใช้ระบบตั๋วรถไฟฟ้าพูล ใช้ได้ทั้งบนดิน-ใต้ดิน คาดได้ใช้ไม่เกิน 6 เดือน
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือBMCLเปิดเผยว่า ล่าสุดได้นำส่งรายงานการคำนวณอัตราค่าโดยสารใหม่ที่เตรียมปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทาน ให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)แล้ว โดยอยู่ในอัตรา16-42 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 15-39 บาท ซึ่งถ้าได้รับการเห็นชอบจากรฟม.BMCL จะเริ่มจัดเก็บอัตราค่าโดยสารใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ มั่นใจว่าการปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวจะไม่กระทบต่อจำนวนผู้โดยสาร เพราะเป็นการปรับเพื่อคงมูลค่าเท่านั้น และเชื่อว่าจะทำให้ BMCL มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 6% หรือราว 200,000 บาทต่อวัน จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 4,000,000 บาทต่อวัน และจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 190,000 คนต่อวัน
"อย่าเรียกว่าเป็นการขึ้นค่าโดยสารเลย เพราะเราปรับเพื่อคงมูลค่าเท่านั้น โดยคำนวณจากดัชนีผู้บริโภค และการขึ้นมาอีกแค่ 1-3 บาท ผู้โดยสารคงแทบไม่รู้สึกเลย รายได้เราก็เพิ่มขึ้นไม่มากประมาณ 6% ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินก็แค่ 200,000 บาทต่อวันเท่านั้น ถ้าลองมาเปรียบเทียบราคาก๋วยเตี๋ยวยังขึ้นมาเยอะกว่าเราอีก จากชามละ 20 บาท เป็น25-30 บาท คนก็ยังกินกันปกติ"นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติกล่าวต่อว่า ปี 2551 BMCL ตั้งเป้าว่าผู้โดยสารจะสูงถึง 210,000 คนต่อวัน จากปีก่อนที่มีผู้โดยสาร 170,000 คนต่อวัน และรายได้เติบโตขึ้นอีก 10% พร้อมกับการขาดทุนลดลงต่ำกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบัน BMCL มีอัตราการขาดทุนสะสมอยู่ที่5,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นได้ประมาณการว่า ช่วงต้นปี 2554 BMCL จะเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงาน และอีก 2-3 ปีถัดไป จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดBTSเตรียมเข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้
ทางด้านนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BTS เปิดเผยว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้ แผนฟื้นฟูกิจการน่าจะได้ข้อยุติ หลังจากเจ้าหนี้ที่ยื่นอุธรณ์ต่อศาลฎีกา เพื่อคัดค้านศาลล้มละลายกลางที่มีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ BTS ได้เริ่มทยอยถอนฟ้องแล้ว ซึ่งมั่นใจว่า BTS จะสามารถเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และเปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก(IPO) ไม่เกินเดือนตุลาคมนี้
"ตอนนี้เจ้าหนี้เริ่มถอนฟ้องแล้ว เพราะคงเห็นว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง เราจึงมั่นใจว่ากุมภาพันธ์-มีนาคมนี้หรืออย่างช้าไม่เกินสงกรานต์แผนฟื้นฟูฯจะจบ แล้วเราก็จะเดินหน้าเรื่องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากยื่นไฟลิ่งไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่เกินเดือนตุลาคมนี้เราจะได้เปิด IPO แต่ทั้งหมดก็ยังต้องขึ้นอยู่กับผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการเมืองด้วย เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ เราก็อาจเลื่อนIPO เป็นปีหน้าแทน"นายคีรี กล่าว
สำหรับจำนวนผู้โดยสารของ BTS ณ ปัจจุบัน นายคีรีกล่าวว่า มีผู้โดยสาร 400,000-500,000 คนต่อวัน และเชื่อว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 5-10%ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าคืบหน้า
นายคีรีกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระบบบัตรโดยสารร่วมระหว่าง BTS กับ BMCLด้วยว่า ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อยุติร่วมกันที่จะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกคือ การใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ โดยทั้ง 2 บริษัท จะดำเนินแก้ไขระบบของตนเองให้สามารถอ่านค่าบัตรโดยสารซึ่งกันและกันได้ ซึ่งผู้ใช้บริการจะสามารถใช้บัตรโดยสารเพียงใบใดใบหนึ่งไม่ว่าจะเป็น BTS หรือ BMCL เดินทางได้ทั้ง 2 ระบบ และบริษัทจะมาแบ่งรายได้กันเองแบบวันต่อวัน คาดว่าเริ่มให้บริการได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ส่วนระยะที่ 2 ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 ปี ทั้ง 2 บริษัทจะจัดหาบริษัทจัดสรรรายได้(Clearing House) มาเป็นผู้จำหน่ายบัตรโดยสารร่วม และแบ่งรายได้ให้กับทั้ง2 ฝ่าย พร้อมกับมีการตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา โดยมี BTS และ BMCL เป็นผู้ถือหุ้นหลัก และมีแผนชักชวนสถาบันการเงินต่างๆเข้าร่วมด้วย
นายสมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือBMCLเปิดเผยว่า ล่าสุดได้นำส่งรายงานการคำนวณอัตราค่าโดยสารใหม่ที่เตรียมปรับขึ้นตามสัญญาสัมปทาน ให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)แล้ว โดยอยู่ในอัตรา16-42 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 15-39 บาท ซึ่งถ้าได้รับการเห็นชอบจากรฟม.BMCL จะเริ่มจัดเก็บอัตราค่าโดยสารใหม่ตั้งแต่วันที่ 3 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ มั่นใจว่าการปรับขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวจะไม่กระทบต่อจำนวนผู้โดยสาร เพราะเป็นการปรับเพื่อคงมูลค่าเท่านั้น และเชื่อว่าจะทำให้ BMCL มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 6% หรือราว 200,000 บาทต่อวัน จากปัจจุบันที่มีรายได้ประมาณ 4,000,000 บาทต่อวัน และจำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 190,000 คนต่อวัน
"อย่าเรียกว่าเป็นการขึ้นค่าโดยสารเลย เพราะเราปรับเพื่อคงมูลค่าเท่านั้น โดยคำนวณจากดัชนีผู้บริโภค และการขึ้นมาอีกแค่ 1-3 บาท ผู้โดยสารคงแทบไม่รู้สึกเลย รายได้เราก็เพิ่มขึ้นไม่มากประมาณ 6% ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินก็แค่ 200,000 บาทต่อวันเท่านั้น ถ้าลองมาเปรียบเทียบราคาก๋วยเตี๋ยวยังขึ้นมาเยอะกว่าเราอีก จากชามละ 20 บาท เป็น25-30 บาท คนก็ยังกินกันปกติ"นายสมบัติ กล่าว
นายสมบัติกล่าวต่อว่า ปี 2551 BMCL ตั้งเป้าว่าผู้โดยสารจะสูงถึง 210,000 คนต่อวัน จากปีก่อนที่มีผู้โดยสาร 170,000 คนต่อวัน และรายได้เติบโตขึ้นอีก 10% พร้อมกับการขาดทุนลดลงต่ำกว่า 200 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบัน BMCL มีอัตราการขาดทุนสะสมอยู่ที่5,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นได้ประมาณการว่า ช่วงต้นปี 2554 BMCL จะเริ่มมีกำไรจากการดำเนินงาน และอีก 2-3 ปีถัดไป จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมดBTSเตรียมเข้าตลาดหุ้นปลายปีนี้
ทางด้านนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BTS เปิดเผยว่า ภายในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมนี้ แผนฟื้นฟูกิจการน่าจะได้ข้อยุติ หลังจากเจ้าหนี้ที่ยื่นอุธรณ์ต่อศาลฎีกา เพื่อคัดค้านศาลล้มละลายกลางที่มีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นฟูกิจการ BTS ได้เริ่มทยอยถอนฟ้องแล้ว ซึ่งมั่นใจว่า BTS จะสามารถเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และเปิดขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก(IPO) ไม่เกินเดือนตุลาคมนี้
"ตอนนี้เจ้าหนี้เริ่มถอนฟ้องแล้ว เพราะคงเห็นว่าเรื่องไม่เป็นเรื่อง เราจึงมั่นใจว่ากุมภาพันธ์-มีนาคมนี้หรืออย่างช้าไม่เกินสงกรานต์แผนฟื้นฟูฯจะจบ แล้วเราก็จะเดินหน้าเรื่องจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากยื่นไฟลิ่งไปเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าไม่เกินเดือนตุลาคมนี้เราจะได้เปิด IPO แต่ทั้งหมดก็ยังต้องขึ้นอยู่กับผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการเมืองด้วย เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ เราก็อาจเลื่อนIPO เป็นปีหน้าแทน"นายคีรี กล่าว
สำหรับจำนวนผู้โดยสารของ BTS ณ ปัจจุบัน นายคีรีกล่าวว่า มีผู้โดยสาร 400,000-500,000 คนต่อวัน และเชื่อว่าปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 5-10%ตั๋วร่วมรถไฟฟ้าคืบหน้า
นายคีรีกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำระบบบัตรโดยสารร่วมระหว่าง BTS กับ BMCLด้วยว่า ล่าสุดทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อยุติร่วมกันที่จะแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรกคือ การใช้บัตรโดยสารข้ามระบบ โดยทั้ง 2 บริษัท จะดำเนินแก้ไขระบบของตนเองให้สามารถอ่านค่าบัตรโดยสารซึ่งกันและกันได้ ซึ่งผู้ใช้บริการจะสามารถใช้บัตรโดยสารเพียงใบใดใบหนึ่งไม่ว่าจะเป็น BTS หรือ BMCL เดินทางได้ทั้ง 2 ระบบ และบริษัทจะมาแบ่งรายได้กันเองแบบวันต่อวัน คาดว่าเริ่มให้บริการได้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ส่วนระยะที่ 2 ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 ปี ทั้ง 2 บริษัทจะจัดหาบริษัทจัดสรรรายได้(Clearing House) มาเป็นผู้จำหน่ายบัตรโดยสารร่วม และแบ่งรายได้ให้กับทั้ง2 ฝ่าย พร้อมกับมีการตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นมา โดยมี BTS และ BMCL เป็นผู้ถือหุ้นหลัก และมีแผนชักชวนสถาบันการเงินต่างๆเข้าร่วมด้วย
