ราคาน้ำมันขยับลงในวันพฤหัสบดี(11ธ.ค.) นักลงทุนโฟกัสการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ส่วนวอลล์สตรีทปิดผสมผสานและทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลความเคลื่อนไหวปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 86 เซนต์ ปิดที่ 57.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 93 เซนต์ ปิดที่ 61.28 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นักลงทุนมุ่งเน้นให้ความสำคัญมากขึ้นกับพัฒนาการของการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ในขณะที่พวกผู้นำสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศสและเยอรมนี ต่อสายพูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ หารือเกี่ยวกับความพยายามสันติภาพล่าสุดของวอชิงตัน เพื่อยุติสงครรามในยูเครน ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของกระบวนการดังกล่าว
ขณะเดียวกันตลาดอยู่ภายใต้แรงกดดันของข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานอเมริกา เผยแพร่รายงานระบุคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศ ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 5 ธันวาคม แต่ถือว่าน้อยกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้ว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันพฤหัสบดี(11ธ.ค.) โดยเอสแอนด์พี500และดาวโจนส์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นักลงทุนหันเข้าหาหุ้นกลุ่มการเงิน หลังเฟดอัพเดททางนโยบายที่ใช้สุ้มเสียงแข็งกร้าวน้อยกว่าที่คาดหมายไว้
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 646.26 จุด (1.34 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 48,704.01 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 14.32 จุด (0.21 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,901.00 จุด แนสแดค ลดลง 60.30 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,593.86 จุด
นักลงทุนยังคงพินิจพิเคราะห์ข้อมูลอัพเดทของธนาคารกลางสหรัฐฯจากเมื่อวันพุธ(10ธ.ค.) หลังจากเฟดปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% และ เจอร์โรม พาวเวลล์ ตัวประธาน ส่งสัญญาณชะลอปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติ่ม อย่างไรก็ตามนักลงทุนมีความผ่อนคลาย หลังจากที่ผ่านมาเฟดปรับลดดอกเบี้ยไปแล้ว 2 รอบ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังสูงและสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงาน
ด้านราคาทองคำในวันพฤหัสบดี(11ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังความเคลื่อนไหวปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ของเฟด ฉุดให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 88.30 ดอลลาร์ หรือ 2.1 % ปิดที่ 4,313.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)


