ราคาน้ำมันขยับลงราว 2% ในวันอังคาร(25พ.ย.) หลังยูเครนแย้มว่ารัฐบาลสหรัฐฯพยายามผลักดันทางการทูตอย่างหนัก เพื่อยุติสงครามระหว่างเคียฟกับมอสโก ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำทรงตัว จากข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกา ที่กระชับความคาดหมายเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกรอบ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 92 เซนต์ ปิดที่ 57.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม ลดลง 90 เซนต์ ปิดที่ 62.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ถ้าสงครามในยูเครนยุติลง มันจะเปิดทางให้ตะวันตกผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดเล่นงานการค้าพลังงานของรัสเซีย และเป็นไปได้ที่จะทำให้อุปทานไหลบ่าเข้าสู่ตลาดเพิ่มเติม ในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันสั่นคลอนอยู่ก่อนแล้ว จากความคาดหมายอุปทานล้นตลาดในปีหน้า
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดบวกในวันอังคาร(25พ.ย.) หลังข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆนานา ดูเหมือนจะสนับสนุนความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นหนสุดท้ายของปีในเดือนธันวาคม
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 664.18 จุด (1.43 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 47,112.45 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 60.76 จุด (0.91 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,765.88 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 153.59 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 23,025.59 จุด
ข้อมูลเศรษฐกิจต่างๆนานาที่เผยแพร่ออกมา ส่วนใหญ่ล่าช้าสืบเนื่องจากภาวะชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาลที่ยืดเยื้อเมื่อเร็วๆนี้ สนับสนุนมุมมองที่ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ณ ที่ประชุมนโยบายการเงินที่กำลังจะมาถึง
กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงแรงงานสหรัฐฯเผยแพร่รายงานประจำเดือนกันยายน ในด้านยอดค้าปลีกและราคาผู้ผลิตตามลำดับ ซึ่งเผยให้เห็นว่าการใช้จ่ายอ่อนแอลงและเงินเฟ้อยังคงค่อยๆอ่อนตัวลง
ข้อมูลค้าปลีกที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งกระชับมุมมองว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยอีกรอบ ช่วยพยุงให้ราคาทองคำปิดบวกในวันอังคาร(25พ.ย.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 5.80 ดอลลาร์ หรือ 0.40% ปิดที่ 4,094.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)


