(เก็บความจาก เอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/11/chinas-emerging-nuke-carrier-built-to-break-us-naval-dominance/)
China’s emerging nuke carrier built to break US naval dominance
by Gabriel Honrada
14/11/2025
เรือบรรทุกเครื่องบินยักษ์ใหญ่ “ไทป์ 004” คือความเคลื่อนไหวอย่างห้าวหาญที่สุดของจีน ในการแข่งขันชิงชัยพลังอำนาจทางนาวีกับสหรัฐฯ อีกทั้งเป็นการผลักดันความท้าทายของแดนมังกรให้เลยไกลจากการวางกำลังป้องกันของอเมริกา ณ แนวห่วงโซ่เกาะแนวที่ 1
จากหลักฐานสดๆ ใหม่ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่า เรือบรรทุกเครื่องบินจีนลำใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงานนิวเคลียร์ และถูกเรียกขานกันในชื่อว่า “ไทป์ 004” (Type 004) กำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว เรื่องนี้หมายความว่าแดนมังกรอาจกำลังก้าวข้ามขีดจำกัดจากการเป็นแค่กองกำลังนาวีระดับภูมิภาค สู่การมีฐานะเป็นคู่แข่งขันชิงชัยระดับท้องทะเลลึกรายหนึ่งอย่างแท้จริง
นิตยสารว่าด้วยสงครามและการทหารชื่อดัง เดอะวอร์โซน (The War Zone หรือ TWZ) รายงาน [1] เอาไว้ในเดือนนี้ว่า จีนกำลังก้าวหน้าไปมากในการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่ 4 ของตน ที่ได้รับการเรียกขานอย่างกว้างขวางในชื่อว่า “Type 004” ที่อู่ต่อเรือฐเมืองต้าเหลียน ในมณฑลเหลียวหนิง โดยมีการเผยแพร่ภาพใหม่ๆ ที่บ่งชี้ว่าเรือลำนี้จะใช้พลังงานนิวเคลียร์
จากภาพถ่ายจำนวนหนึ่งที่มีการเผยแพร่ทางออนไลน์ แสดงให้เห็นสิ่งซึ่งดูเหมือนจะเป็นโครงสร้างบรรจุเตาปฏิกรณ์ ถูกสร้างฝังติดอยู่ในส่วนลำตัวเรือ ซึ่งเป็นลักษณะที่สอดคล้องกับพวกเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ และถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้สำคัญประการหนึ่งว่าเรือลำนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้ระบบขับเคลื่อนเช่นไร
พัฒนาการเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชน (People’s Liberation Army Navy หรือ PLAN) ได้นำเรือบรรทุกเครื่องบิน “ฝู่เจี้ยน” (Fujian) [2] เข้าประจำการ โดยที่ ฝู่เจี้ยน เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกที่จีนต่อขึ้นเองภายในประเทศซึ่งติดตั้งระบบปล่อยเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าแบบแม่เหล็กไฟฟ้า (electromagnetic catapults) ทั้งหมดเหล่านี้ต่างสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของกองทัพเรือจีน
ตามการประเมินของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ระบุ [3]ว่า เรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นเจเนอเรชั่นต่อไปของจีน จะมีความทรหดทนทาน หรือก็คือความอึดในการปฏิบัติการมากขึ้น ทำให้สามารถประจำการในน่านน้ำต่างๆ ได้ไกลเกินกว่าขอบเขตพื้นที่ทะเลรอบๆ ประเทศ
ทั้งนี้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์จะทำให้เรือ Type 004 มีพิสัยการปฏิบัติการในทางเป็นจริงชนิดแทบจะไม่มีขีดจำกัด และมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอสำหรับการปฏิบัติการของพวกตัวเซ็นเซอร์จับสัญญาณและระบบก้าวหน้าล้ำยุคต่างๆ ทำให้ลดช่องว่างที่ถูกทิ้งห่างจากพวกเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯซึ่งเวลานี้มีอยู่ทั้งสิ้น 11 ลำ ตลอดจนทำให้นอกเหนือจากสหรัฐฯและฝรั่งเศสแล้ว จีนก็เป็นอีกเพียงประเทศเดียวในโลกที่มีเรือประเภทนี้ใช้งาน
รายงานหลายๆ กระแสยังเสนอแนะว่า จีนอาจพิจารณาดำเนินการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ๆ ที่ใช้เครื่องยนต์ธรรมดาแบบเดิมซึ่งมิใช่พลังงานนิวเคลียร์ต่อไปด้วย เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถในการต่อเรือซึ่งมีอยู่อย่างมหาศาลของตน มาผลิตเรือบรรทุกเครื่องบิน หรือที่บางทีนิยมเรียกกันว่า เรือดาดฟ้าแบนราบ (flattop) ให้ได้มากขึ้น แรงผลักดันเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนที่จะสำแดงอำนาจทางนาวีไปทั่วโลก ในเวลาเดียวกับที่ยังคงใช้พวกเรือบรรทุกเครื่องบินแบบเดิมสำหรับจัดการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับภูมิภาค เช่น เรื่องไต้หวัน ตลอดจนข้อพิพาทเรื่องดินแดนในทะเลจีนใต้
แม้ว่าเรือฝู่เจี้ยนจะได้รับการยกย่องว่าเป็นการออกแบบเรือบรรทุกเครื่องบินระดับแนวหน้าของจีน แต่เรือลำนี้ก็ยังมีข้อจำกัดสำคัญหลายๆ ประการ สืบเนื่องจากเป็นเรือลำแรกในชั้นนี้ นาวาเอก คาร์ล ชูสเตอร์ (Captain Carl Schuster) แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุเอาไว้ในรายงานข่าวซึ่งโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐฯ นำออกเผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคม 2025 [4] ว่า เรือฝู่เจี้ยนอาจปฏิบัติการได้เพียง 60% ของความสามารถที่เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น “นิมิตซ์” (Nimitz-class) ของสหรัฐฯทำได้
ชูสเตอร์ชี้ให้เห็นว่ามุมซึ่งพื้นที่เครื่องบินที่กำลังร่อนลงจอดตัดกับดาดฟ้าของเรือบรรทุกเครื่องบินฝู่เจี้ยนนั้น อยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางเพียง 6 องศา เมื่อเทียบกับ 9 องศาบนเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ สภาพเช่นนี้จำกัดพื้นที่ระหว่างลานลงจอด กับแท่นดีดส่งเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าซึ่งอยู่ตรงบริเวณหัวเรือ 2 แท่น เขาอธิบายว่าพื้นที่ลงจอดซึ่งต้องยาวขึ้น ประกอบกับมุมดาดฟ้าที่แคบลง ทำให้เหลือพื้นที่ว่างสำหรับให้เครื่องบินซึ่งกลับคืนมายังเรือได้ลงจอด มีลดน้อยลง
ในรายงานข่าวเดียวกันนี้ของทางซีเอ็นเอ็น นาวาตรี คีธ สจ๊วต (Lieutenant Commander Keith Stewart) ระบุว่าจีนยังขาดประสบการณ์ในการปฏิบัติการส่งเครื่องบินขึ้นฟ้าด้วยระบบแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากเรือฝู่เจี้ยนเป็นเรือจีนลำแรกที่ติดตั้งระบบนี้ สจ๊วตชี้ให้เห็นว่าประสบการณ์บางอย่างสามารถเรียนรู้ได้เมื่ออยู่ในเงื่อนไขเฉพาะเจาะจงเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินในเวลากลางคืน
อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของฝู่เจี้ยนก็เป็นกรุยทางไปสู่รางวัลอันแท้จริง นั่นคือ เรือบรรทุกเครื่องบินเจเนอเรชั่นต่อไปอย่าง ไทป์ 004 ชูสเตอร์บอกว่าฝู่เจี้ยนอาจถือเป็นก้าวเดินที่คืบหน้าไปสู่เรือไทป์ 004 โดยนำเอาบทเรียนการออกแบบและการปรับปรุงยกระดับจากเรือลำเก่ามาสู่เรือลำใหม่ ตามแบบแผนแนวทางซึ่งจีนได้นำเอาบทเรียนและประสบการณ์จากเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของตนนั่นคือเรือเหลียวหนิง มาใช้ในเวอร์ชั่นปรับปรุงยกระดับขึ้นกว่าเดิม ซึ่งคือเรือบรรทุกเครื่องบินซานตง
หากสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน Type 004 เสร็จสมบูรณ์ จีนจะมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน 4 ลำ โดย 3 ลำใช้พลังงานแบบธรรมดา อีกหนึ่งลำใช้พลังงานนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี การรวมกำลังพลเช่นนี้อาจจะยังไม่ใช่วิธีการที่จะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด เนื่องจากการใช้เรือบรรทุกเครื่องบินหมุนเวียนกันแค่จำนวน 3 ลำ สามารถที่จะทำให้การปฏิบัติการมีความต่อเนื่องได้อยู่แล้ว โดยลำหนึ่งอยู่ในทะเล อีกลำหนึ่งอยู่ในระหว่างการฝึก และอีกลำหนึ่งอยู่ในระหว่างการปรับปรุงและซ่อมบำรุง
การมีกองกำลังเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวน 6 ลำ สามารถทำให้จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบินอยู่ในทะเลตลอดเวลาอย่างน้อย 2 ลำ โดยที่พวกเรือบรรทุกเครื่องบินใช้เครื่องยนต์ธรรมดาจะปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่แนวห่วงโซ่เกาะที่ 1 (First Island Chain) – ซึ่งหมายถึงพื้นที่น่านน้ำที่อยู่รอบๆ จีนแผ่นดินใหญ่ เมื่อลากเส้นเชื่อมระหว่างเกาะใหญ่ๆ ซึ่งอยู่รายรอบ ตั้งแต่โอกินาวาผ่านไต้หวันไปจนถึงฟิลิปปินส์ โดยภายในพื้นที่นี้ เรือบรรทุกเครื่องบินจีนย่อมสามารถได้รับการการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงและการสนับสนุนจากทางบกอย่างอุดมสมบูรณ์
ส่วนเรือบรรทุกเครื่องบินจีนที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ เนื่องจากหลุดพ้นจากข้อจำกัดด้านพิสัยทำการ และหลุดพ้นจากความไม่สามารถที่จะให้พลังงานอย่างต่อเนื่องยาวนานของเครื่องยนต์ซึ่งใช้เชื้อเพลิงแบบเดิม ทำให้มีความอึดมากขึ้น จึงสามารถปฏิบัติการได้อย่างเสรีในพื้นที่แนวห่วงโซ่เกาะที่ 2 ซึ่งลากเชื่อมระหว่างหมู่เกาะโบนิน, กวม, และปาปัวนิวกินี
ภายใต้ร่มขีปนาวุธของพวกขีปนาวุธพิสัยไกลอย่างเช่น DF-21 และ DF-26 ซึ่งสามารถโจมตีเข้าไปในพื้นที่แนวห่วงโซ่เกาะที่ 2 พวกเรือบรรทุกเครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบบเดิมของจีน จึงอาจมีส่วนร่วมในการครองอำนาจทางอากาศเฉพาะพื้นที่ในช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนเอาชนะพวกคู่แข่งที่อ่อนแอกว่าในทะเลจีนใต้ อย่างเช่น เวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ในเวลาเดียวกัน พวกเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของจีนจะเป็นส่วนหนึ่งของการแปรขบวนรบในพื้นที่แนวห่วงโซ่เกาะที่ 2 โดยเป็นกำลังเสริมให้แก่กองกำลังขีปนาวุธของจีน ในฐานะเป็นกองกำลังต่อต้านขัดขวางสหรัฐฯ ไม่ให้สามารถแทรกแซงเข้ามายุ่งเกี่ยวกับไต้หวันซึ่งกำลังตกอยู่ในภาวะฉุกเฉินวุ่นวาย
อย่างไรก็ตาม แดนมังกรยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคใหญ่ในทางยุทธศาสตร์อีกประการหนึ่งที่เอาชนะได้ยากอยู่ดี กล่าวคือ ด้วยข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ เรือบรรทุกเครื่องบินของจีนถูกบังคับให้สามารถแล่นเข้าออกช่องแคบไต้หวันผ่านช่องทางที่เต็มไปด้วยความเสี่ยงเพียง 2 ช่อง คือ คือ ช่องแคบมิยาโกะ (Miyako Strait) และช่องแคบบาชิ (Bashi Channel) ซึ่งปัจจุบันทั้งสองช่องถูกล้อมด้วยฐานขีปนาวุธของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตร
ทั้งนี้ จีนอาจจะพยายามฝ่าวงล้อมด้วยวิธีการต่างๆ เป็นต้นว่า การสร้างแนวป้องกันโดยอาศัยเรือบรรทุกเครื่องบินขึ้นมา , การโจมตีฐานขีปนาวุธของสหรัฐฯ และเหล่าพันธมิตร, การเข้ายึดเกาะสำคัญๆ ในหมู่เกาะริวกิว (Ryukyus) และหมู่เกาะบาตาน (Batanes), หรือการให้ความสนับสนุนอย่างลับๆ แก่พวกนักการเมืองที่เอนเอียงมาทางจีน ในประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ เพื่อบังคับให้สหรัฐฯ ถอนฐานขีปนาวุธออกไป
การผสมผสานระหว่างเรือบรรทุกเครื่องบินที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์และที่ใช้เครื่องยนต์ธรรมดา ยังสามารถช่วยให้จีนแก้ปัญหาเรื่องจำนวนได้อีกด้วย กล่าวคือ เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์คอยทำหน้าที่ขยายความสามารถในการเจาะทะลวงไปให้ถึงจุดต่างๆ ทั่วโลก ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินแบบธรรมดาซึ่งมีราคาถูกกว่า เป็นสิ่งซึ่งแดนมังกรสามารถต่อได้อย่างรวดเร็วในปริมาณมากเพียงพอที่จะเพิ่มแรงบีบคั้นสหรัฐฯซึ่งเวลานี้ก็กำลังต้องดิ้นรนเพื่อรักษากองกำลังเช่นนี้เอาไว้อยู่แล้ว [5]
แม้ว่าสหรัฐฯเวลานี้ได้มีการสำรวจความเป็นไปได้ของสิ่งที่เรียกกันว่า "เรือบรรทุกเครื่องบินแบบสายฟ้าแลบ" (lightning carrier) เพื่อให้เป็นหนทางหนึ่งสำหรับการกระจายอำนาจทางอากาศของกองทัพเรือ ไปยังพวกเรือรบโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก (amphibious assault ships) แต่จากประสบการณ์เท่าที่ผ่านมา แพลตฟอร์มซึ่งพยายามทำหน้าที่เป็นทั้งเรือโจมตีและทั้งเรือบรรทุกเครื่องบินกลับมักจะทำไม่ได้ดีในทั้งสองอย่าง
เรือบรรทุกเครื่องบินสายฟ้าแลบเหล่านี้ ซึ่งสามารถมีกองบินประจำการได้เพียงกองบินขนาดเล็กๆ อาจต้องยอมสละอำนาจการรุกโจมตีด้วยการไม่ใช้เครื่องบินขับไล่ เพื่อจะได้คงกำลังการป้องกันภัยทางอากาศให้แก่กองเรือเอาไว้ หรือไม่ก็เพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตัวเองโดยการใช้เครื่องบินเพื่อการรุกโจมตีเพิ่มมากขึ้น
เรือบรรทุกเครื่องบินแบบสายฟ้าแลบ ยังอาจเหลือพื้นที่ไม่มากสำหรับบรรทุกเชื้อเพลิงและอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองบินขนาดเล็กๆ ดังกล่าว เนื่องจากต้องจัดสรรพื้นที่สำหรับพวกยานโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกตลอดจนกองกำลังยกพลขึ้นบก นอกจากนี้ เรือบรรทุกเครื่องบินแบบสายฟ้าแลบยังอาจขาดคุณสมบัติต่างๆ ของความสามารถในการรักษาตัวเองเชิงลึกแบบที่เรือบรรทุกเครื่องบินจริงๆ มีอยู่ เช่น ดาดฟ้าสำหรับให้เครื่องบินขึ้นลงที่มีการหุ้มเกราะ และระบบต่อสู้ป้องกันตอร์ปิโดภายในเรือที่ครอบคลุมกว้างขวาง
จีนอาจเลือกที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ ด้วยวิธีคงความสามารถในการต่อเรือบรรทุกเครื่องบินแบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ธรรมดาเอาไว้ เฉกเช่นเรือฝูเจี้ยน ตลอดจนรุ่นปรับปรุงยกระดับรุ่นต่อๆ ไป ทั้งนี้การมีเรือรบที่มุ่งให้เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินแบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ธรรมดาทั่วไปโดยเฉพาะ ย่อมไม่จำเป็นต้องจัดสรรพื้นที่ภายในเรือสำหรับยานโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบกและกองทหารยกพลขึ้นบก
ในทางกลับกัน พื้นที่ดังกล่าวสามารถนำเอาไปลงทุนในเรื่องเครื่องบิน เชื้อเพลิง และอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนพวกคุณสมบัติของความสามารถในการการเอาตัวรอดขั้นสูง ในขณะที่มีต้นทุนต่ำกว่าเรือเวอร์ชั่นพลังงานนิวเคลียร์อย่างมาก
การที่จีนเดินหน้าสู่การต่อเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์นั้น ไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณของความทะเยอทะยานหวังสูงเท่านั้น แต่ยังกำลังกลายเป็นบททดสอบที่อาจจะใกล้ลงสนามให้คำตอบว่า จีนจะสามารถฝ่าวงล้อมแนวห่วงโซ่เกาะที่ 1 และรอดพ้นจากความท้าทายด้านขีปนาวุธของสหรัฐฯได้หรือไม่ หากแดนมังกรทำได้ทำได้ อินโด-แปซิฟิกก็จะเข้าสู่ยุคใหม่ที่อำนาจทางนาวีอย่างเหนือล้ำกว่าใครๆ ของสหรัฐฯ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนยอมรับกันโดยไม่กล้าตั้งคำถามอีกต่อไป
เชิงอรรถ
[1] https://www.twz.com/sea/strong-evidence-that-chinas-next-carrier-will-be-nuclear-emerges-in-shipyard-photo
[2] https://asiatimes.com/2025/09/fujians-jet-launch-marks-chinas-rise-in-carrier-warfare/
[3] https://media.defense.gov/2024/Dec/18/2003615520/-1/-1/0/MILITARY-AND-SECURITY-DEVELOPMENTS-INVOLVING-THE-PEOPLES-REPUBLIC-OF-CHINA-2024.PDF
[4] https://edition.cnn.com/2025/10/25/asia/us-china-aircraft-carrier-comparision-intl-hnk-ml
[5] https://asiatimes.com/2025/07/carrier-crunch-leaves-us-unprepared-for-a-china-fight/


