คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นลงมติในวันจันทร์ (17 พ.ย.) อนุมัติร่างญัตติของอเมริกา ที่มีเนื้อหาเป็นการรับรองแผนการของทรัมป์ในการยุติสงครามในดินแดนกาซา โดยให้มีการการจัดตั้งคณะกรรมการสันติภาพและกองกำลังรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศ ทว่าระบุอย่างไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ ขณะที่กลุ่มฮามาสก็ประกาศจะไม่ยอมปลดอาวุธ
เดือนตุลาคมที่ผ่านมาอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ได้ตกลงหยุดยิงและปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่เหลืออยู่เพื่อแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวปาเลสไตน์ ถือเป็นขั้นตอนแรกของแผนการ 20 ข้อสำหรับกาซาซี่งเสนอโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขณะที่มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อวันจันทร์ (17 พ.ย.) มีเนื้อหาเป็นการรับรองความชอบธรรมของคณะบริหารชั่วคราวและให้หลักประกันทางกฎหมายระหว่างประเทศแก่บรรดาชาติศที่กำลังพิจารณาส่งทหารไปรักษาสันติภาพยังกาซา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่บรรจุเอาไว้ในแผนการของทรัมป์เช่นกัน
มติที่ผ่านความเห็นชอบของยูเอ็นเอสซีด้วยคะแนน 13 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียงคือรัสเซียและจีน คราวนี้ ระบุว่า ชาติสมาชิกสามารถมีส่วนร่วมในคณะกรรมการสันติภาพที่ทรัมป์เป็นประธาน หรืออีกนัยหนึ่งคือคณะบริหารชั่วคราวช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจซึ่งจะกำกับดูแลการฟื้นฟูบูรณะและการฟื้นเศรษฐกิจของกาซา โดยที่ทรัมป์ระบุว่า จะปฏิบัติหน้าที่จนถึงปลายปี 2027
ในมตินี้ยังอนุมัติการจัดตั้งกองกำลังรักษาเสถียรภาพระหว่างประเทศ (ไอเอสเอฟ) ที่จะดำเนินการร่วมกับอิสราเอลและอียิปต์ รวมทั้งตำรวจปาเลสไตน์ที่ได้รับการฝึกฝนใหม่ เพื่อช่วยงานพิทักษ์ปกป้องบริเวณชายแดน คุ้มครองพลเรือน และเส้นทางลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมทั้งทำให้กาซาเป็นเขตปลอดทหาร ซึ่งรวมถึงการปลดอาวุธและการทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านการทหาร
ทว่า กลุ่มฮามาสได้ออกคำแถลงย้ำว่า ตนจะไม่ยอมปลดอาวุธ อีกทั้งยืนกรานว่า การสู้รบกับอิสราเอลเป็นการขัดขืนต่อต้านที่มีความถูกต้องชอบธรรม และสำทับว่า มติฉบับนี้ของคณะมนตรีความมั่นคงไม่สอดคล้องกับความต้องการและสิทธิด้านการเมืองและมนุษยธรรมของชาวปาเลสไตน์
ไมค์ วอลซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น แถลงก่อนการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงว่า ญัตตินี้ที่บรรจุแผนการ 20 ข้อของทรัมป์เอาไว้ในภาคผนวก อาจเป็นการปูทางสู่การปกครองตนเองของปาเลสไตน์ซึ่งจะเปลี่ยนสงครามและความขัดแย้งเป็นสันติภาพและการปรองดอง และยุติการครอบงำของฮามาส
ทว่า วาสิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซีย วิจารณ์ภายหลังการลงมติว่า มตินี้ไม่ได้ให้การสนับสนุนการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์อย่างเพียงพอ อีกทั้งไม่มีการระบุบทบาทที่ชัดเจนของยูเอ็นในเรื่องอนาคตของกาซา แต่เป็นการอนุมัติแผนการริเริ่มที่อิงกับคำสัญญาของวอชิงตัน ให้อำนาจการควบคุมกาซาเบ็ดเสร็จแก่คณะกรรมการสันติภาพและไอเอสเอฟที่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะมีรูปแบบอย่างไร
อย่างไรก็ดี ทางด้านองค์การบริหารปาเลสไตน์ (พีเอ) ออกคำแถลงแสดงความยินดีกับมติฉบับนี้ของคณะมนตรีความมั่นคง รวมทั้งแสดงความพร้อมในการมีส่วนร่วมเพื่อดำเนินการตามมติดังกล่าว ขณะที่นักการทูตชี้ว่า การรับรองญัตตินี้ของพีเอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งทำให้รัสเซียไม่โหวตคัดค้านในคราวนี้ โดยหากแดนหมีขาวซึ่งเป็น 1 ในสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงโหวตโน ก็จะเท่ากับการใช้สิทธิยับยั้ง และญัตติจะต้องตกไปในทันที
ภายหลังสหประชาชาติผ่านมตินี้แล้ว ทรัมป์โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า การลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงเป็นการยอมรับและรับรองคณะกรรมการสันติภาพ และจะถือเป็นการอนุมัติที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของยูเอ็น รวมทั้งจะนำไปสู่สันติภาพในดินแดนอื่นๆ ทั่วโลก
แต่ในทางกลับกัน อิสราเอลคัดค้านมตินี้เนื่องจากมีการอ้างอิงถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งของมตินี้ระบุว่า หลังจากพีเอดำเนินการตามแผนการปฏิรูป และการพัฒนาปรับปรุงกาซามีความคืบหน้า ก็อาจถือเป็นเงื่อนไขสำหรับแนวทางที่น่าเชื่อถือซึ่งนำไปสู่การปกครองตนเองและรัฐปาเลสไตน์ โดยที่อเมริกาจะจัดการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ เพื่อตกลงกันเกี่ยวกับขอบเขตทางการเมืองและการอยู่ร่วมกันอย่างมั่งคั่งรุ่งเรือง
อย่างไรก็ดี เมื่อวันอาทิตย์ (16) นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ที่ถูกกดดันจากสมาชิกปีกขวาจัดในรัฐบาล ประกาศว่า อิสราเอลยังคงคัดค้านการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ แต่จะมุ่งมั่นในการทำให้กาซาเป็นเขตปลอดทหาร
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)


