ทรัมป์ลั่นจะเลือกสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องสำหรับแนวทางแก้ไขข้อขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในระยะยาว ขณะที่ประธานาธิบดีอียิปต์ประกาศต่อที่ประชุมผู้นำกว่า 20 ชาติว่า ข้อเสนอยุติสงครามในกาซาของทรัมป์เป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับสันติภาพในตะวันออกกลาง และย้ำข้อเรียกร้องสำหรับแนวทางแก้ปัญหาแบบสองรัฐ ยันปาเลสไตน์มีสิทธิ์เป็นรัฐเอกราช
การประชุมสุดยอดที่เมืองชาร์ม เอล-ชัยค์ ของอียิปต์เมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงในกาซา ยุติสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส และพัฒนาวิสัยทัศน์ระยะยาวสำหรับการปกครองและฟื้นฟูกาซา รวมทั้งระดมการสนับสนุนจากนานาชาติสำหรับวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยุติสงครามดังกล่าว
ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ เอล-ซิซีของอียิปต์ ที่เป็นประธานร่วมในการประชุม ยกย่องว่า มีเพียงทรัมป์ที่สามารถนำสันติภาพมาสู่ตะวันออกกลาง
แผนการของทรัมป์ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ของรัฐปาเลสไตน์ แต่มีเงื่อนไขว่า อาจเกิดขึ้นได้หลังช่วงเปลี่ยนผ่านยาวนานในกาซาและการปฏิรูปที่ดำเนินการโดยองค์การบริหารปาเลสไตน์ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล คัดค้านการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ ส่วนทรัมป์ไม่ได้เอ่ยถึงแนวทางแก้ปัญหาแบบสองรัฐในระหว่างซัมมิตที่อียิปต์
ในการประชุมดังกล่าว ทรัมป์เรียกร้องยุคใหม่ที่กลมเกลียวในตะวันออกกลาง และระบุว่า นี่เป็นโอกาสเดียวในชั่วชีวิตที่ภูมิภาคนี้จะข้ามผ่านความบาดหมางและความเกลียดชังในอดีต
ทั้งนี้ อิสราเอลและฮามาสถูกอเมริกา ชาติอาหรับ และตุรกี กดดันให้ยอมตกลงขั้นตอนแรกของการเจรจาข้อตกลงสันติภาพที่เริ่มบังคับใช้เมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.)
วันจันทร์ ทรัมป์, เอล-ซิซี, ผู้ปกครองกาตาร์ และประธานาธิบดีตุรกี ลงนามรับรองแถลงการณ์สนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพในกาซา ท่ามกลางผู้นำกว่า 20 ชาติที่เข้าร่วมประชุม
ซัมมิตที่อียิปต์เกิดขึ้นหลังจากฮามาสปล่อยตัวประกันอิสราเอลที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้ง 20 คน และอิสราเอลเริ่มปล่อยนักโทษและผู้ถูกควบคุมตัวชาวปาเลสไตน์เกือบ 2,000 คน ที่ถือเป็นขั้นตอนสำคัญภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง กระนั้น ยังมีคำถามสำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่กาซาอาจกลับสู่ภาวะสงคราม
บัดร์ อับเดลัตตี รัฐมนตรีต่างประเทศอียิปต์ กล่าวว่า ความสำเร็จของวิสัยทัศน์สันติภาพตะวันออกกลางของทรัมป์จะขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของผู้นำสหรัฐฯ ต่อกระบวนการนี้ ซึ่งรวมถึงการกดดันประเทศที่เกี่ยวข้องและการส่งทหารเข้าร่วมกองกำลังนานาชาติเพื่อปฏิบัติภารกิจในการรักษาสันติภาพในกาซาในขั้นตอนต่อไป
ภายใต้ขั้นตอนแรกของข้อตกลง กองทัพอิสราเอลได้ถอนทหารออกจากบางพื้นที่ในกาซา เปิดทางให้ชาวปาเลสไตน์นับแสนคนเดินทางกลับถิ่นฐาน ขณะที่องค์กรบรรเทาทุกข์เตรียมนำความช่วยเหลือจำนวนมากไปแจกจ่ายในดินแดนดังกล่าว
สำหรับขั้นตอนต่อไปนั้นจะต้องมีการจัดการปลดอาวุธฮามาส ตั้งรัฐบาลหลังสงคราม และกำหนดขอบเขตการถอนทหารอิสราเอลจากกาซา ตามแผนของทรัมป์นั้นยังต้องการให้หุ้นส่วนในภูมิภาคและทั่วโลกพัฒนากองกำลังความมั่นคงหลักของปาเลสไตน์
ความท้าทายสำคัญอีกประการคือ การระดมทุนฟื้นฟูบูรณะกาซา ซึ่งธนาคารโลกและอียิปต์ประเมินว่า จะมีค่าใช้จ่ายราว 53,000 ล้านดอลลาร์ และอียิปต์มีแผนจัดการประชุมส่งเสริมการฟื้นฟูบูรณะกาซาขั้นต้นในเดือนหน้า
วันอังคาร (14 ต.ค.) ทรัมป์กล่าวถึงความขัดแย้งยาวนานระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ โดยตั้งข้อสังเกตว่า คนมากมายต้องการแนวทางแก้ปัญหาแบบรัฐเดียว แต่บางคนสนับสนุนแนวทางแบบสองรัฐ และเสริมว่า เขาจะตัดสินใจว่า สิ่งใดที่คิดว่าถูกต้อง โดยจะหารือกับประเทศอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ สมาชิกสหประชาชาติราว 3 ใน 4 จากทั้งหมด 193 ประเทศ รับรองรัฐปาเลสไตน์ ขณะที่อเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอล วิจารณ์การตัดสินใจดังกล่าวของเหล่าพันธมิตรที่รวมถึงอังกฤษและแคนาดาที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว
(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี)