เอเจนซีส์ – ผู้ช่วยประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันประเทศประจำสภาดูมารัสเซียอ้าง มอสโกเพิ่งส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ Pantsir-S1 และ Buk-M2E ไปกับเครื่องบินลำเลียง Il-76 ไม่ตัดความเป็นไปได้ส่งมิสไซล์ไฮเปอร์โซนิกโอเรชนิกให้มาดูโร ด้านผู้เชี่ยวชาญชี้ "สหรัฐฯ" แอบกวนสัญญาณ GPS ใกล้ชายฝั่งเวเนซุเอลาระหว่างทรัมป์กำลังตัดสินใจจะโค่นมาดูโรยึดหลุมน้ำมัน
เดอะวอร์สโซน TWZ ด้านการทหารของสหรัฐฯรายงานวันอังคาร(4 พ.ย)ว่า ผู้ช่วยประธานคนที่ 1 ของคณะกรรมาธิการด้านการป้องกันประเทศประจำสภาดูมารัสเซีย อเล็กเซ ซูราฟเลฟ ( Alexei Zhuravlev) ให้สัมภาษณ์สื่อรัสเซีย Gazeta.Ru เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า
“ระบบ Pantsir-S1 และระบบ Buk-M2E เพิ่มส่งไปให้คาราคัสโดยเครื่องบินลำเลียง Il-76”
และในการให้สัมภาษณ์เขายังข่มขู่ว่ามอสโกสามารถส่งมิสไซล์ไปให้เวเนซุเอลา
เป็นการออกมาตอบโต้ต่อสถานการณ์ปิดล้อมชายฝั่งเวเนซุเอลาชองกองกำลังสหรัฐฯที่มีเป้าหมายไปที่กลุ่มลักลอบขนยาเสพติดและผู้นำเผด็จการคาราคัส นิโคลัส มาดูโร
ทั้งนี้เครื่องบินลำเลียง Ilyushin Il-76 มีบริษัท Aviacon Zitotrans เป็นเจ้าของได้เดินทางเข้ากรุงคาราคัสเมื่อวันที่ 26 ต.คโดยใช้เส้นทางการบินอ้อมและวกวนอ้างอิงจาก FlightRadar24
ส.ส ระดับอาวุโสของรัสเซียกล่าวต่อว่า “ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดและประเภทที่แท้จริงที่ถูกส่งออกไปจากรัสเซียเป็นความลับ ดังนั้นพวกอเมริกันจะต้องประหลาดใจ”
และเสริมว่า “ผมมองไม่เห็นสิ่งกีดขวางในการจะส่งความก้าวหน้าล่าสุดให้ชาติที่เป็นมิตรหรืออาจกล่าวคือ มิสไซล์คาลิเบอร์ที่ได้รับการพิสูจน์ ในอย่างน้อยไม่มีพันธะผูกพันระหว่างประเทศที่ขัดขวางรัสเซียในการต้องทำเช่นนั้น”
สื่อ TWZ ชี้ว่า หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สได้รายงานในวันอังคาร(4)ว่า รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ วางทางเลือกสำหรับปฎิบัติการทหารในเวเนซุเอลารวม การโจมตีโดยตรงต่อหน่วยทหารที่คุ้มกันประธานาธิบดีมาดูโรและเข้าไปยึดครองบ่อน้ำมัน เป็นการรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันหลายปาก
แต่ทว่าผู้นำสหรัฐฯยังไม่ได้ตัดสินใจหรือแม้กระทั่งแม้แต่ว่าจะดำเนินการหรือไม่ หนังสือพิมพ์ชื่อดังชี้ แต่ทว่ามีจำนวนมากที่ปรึกษาระดับสูงของทรัมป์นั้นได้ออกมากดดันหนึ่งในทางเลือกที่แข็งกร้าวมากที่สุด “โค่นมาดูโรจากตำแหน่ง”
ขณะเดียวกันสกายนิวส์รายงานวันพุธ(6)ว่า ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เหตุขัดข้องสัญญาณ GPS นอกชายฝั่งเวเนซุเอลานั้นน่าจะเป็นฝีมือของสหรัฐฯ
ทั้งนี้พบว่าการขัดข้องในสัญญาณนำทางนี้เกิดขึ้นรอบๆทรินิและโตบาโก (Tobago) ซึ่งเป็นที่เรือรบอเมริกันจอด
ดร. โธมัส ไวติงตัน (Dr Thomas Withington) ผู้เชี่ยวชาญด้านสงครามอิเล็กทรอนิกชื่อดังประจำ Royal United Services Institute ของอังกฤษเปิดเผยกับสกายนิวส์ว่า
“เมื่อดูไปที่แผนที่แล้วเป็นการยากที่จะกล่าวว่าจเป็นฝีมือคนอื่น”
เป็นการพบการก่อกวนสัญญาณระดับสูงถูกพบ สื่ออังกฤษชี้
เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Gerald R Ford ที่เป็นเรือรบใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเคลื่อนตัวมาใกล้เวเนซุเอลาหลังได้รับคำสั่งส่งไปทะเลแคริบเบียน
สื่ออังกฤษชี้ว่า การแจมสัญญาณสามารถรบกวนระบบนำทาง GPS ของเครื่องบิน ส่งผลทำนักบินต้องหาทางอื่นเพื่อเช็กว่าเครื่องบินกำลังอยู่จุดใดแล้วคล้ายกับที่เคยเกิดกับเครื่องบินของประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ถูกรบกวนสัญญาณ GPS ระหว่างกำลังจะร่อนลงจอดที่บัลแกเรียเมื่อกันยายนก่อนหน้า ส่งผลทำให้นักบินต้องใช้แผนที่กระดาษเพื่อร่อนลง ซึ่งเชื่อว่า "รัสเซีย" อยู่เบื้องหลังเหตุก่อกวน GPS ของเครื่องบิน EU ครั้งนี้
สกายนิวส์รายงานว่า การก่อกวนสัญญาณใกล้ชายฝั่งเวเนซุเอลาในครั้งแรกอยู่ในระดับอ่อนแต่ทว่ามีการเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นไม่กี่วันหลังจากนั้น แสดงสีแดงบนแผนที่ซึ่งบ่งชี้ถึงจำนวนที่มากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “ผมจะไม่ประหลาดใจหากว่าจะมีระบบต่อต้านโดรนอยู่บนเรือรบของพวกเขา” โดยชี้ไปว่าเชื่อว่า พวกอเมริกันกวนสัญญาณเพื่อป้องกันการโจมตีจากโดรน


