ทรัมป์เล่นกลยุทธ์เจรจาการค้า เชิดชูอินเดียพร้อมลดอุปสรรคให้แก่พวกบริษัทอเมริกัน ปูทางสู่การบรรลุข้อตกลง ขณะกดดันใส่ญี่ปุ่นว่า “ดื้อดึงมาก” อาจต้องเรียกเก็บภาษีศุลกากร 30-35% เพื่อแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางการค้าอย่างมโหฬาร อย่างไรก็ดี ทางด้านผู้นำญี่ปุ่นประกาศจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวขณะอยู่บนเครื่องบินประจำตำแหน่ง “แอร์ฟอร์ซ วัน” เมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) ว่า เขาเชื่อว่า อินเดียพร้อมลดอุปสรรคทางการค้าสำหรับบริษัทอเมริกัน ซึ่งอาจปูทางสู่การทำข้อตกลงกัน ซึ่งสหรัฐฯจะลดอัตราภาษีศุลกากรจากระดับ 26% ที่กำหนดเอาไว้เมื่อเดือนเมษายน
ทั้งนี้ ในการประกาศเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เรียกเก็บภาษีศุลากรจากประเทศคู่ค้าแทบทั้งหมดในอัตรา 10% นอกจากนั้นยังกำหนดขึ้นอัตราภาษีที่สูงกว่านั้นจากชาติคู่ค้าอีกหลายสิบราย ทว่าภาษีอย่างหลังนี้ทรัมป์ได้สั่งระงับไว้ก่อนเป็นเวลา 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทสนั้นๆ มาเจรจาทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ
กำหนดผ่อนผัน 90 วันนี้จะสิ้นสุดลงในวันอังคาร (8) หน้า ซึ่งหมายความว่าตั้งแต่วันพุธ (9) ประเทศที่ไม่สามารถทำข้อตกลง หรือยังไม่มีการเจรจากับสหรัฐฯ จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้นตามอัตราซึ่งประกาศไว้ โดยที่จนถึงเวลานี้ วอชิงตันประกาศว่าทำดีลแล้วกับ 2 ประเทศเท่านั้น คือ อังกฤษ และจีน
ทั้งนี้ในข้อตกลงกับอังกฤษ เป็นเพียงกรอบข้อตกลงกว้างๆ โดยอเมริกาจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าต่างๆ ที่รวมถึงยานยนต์ในอัตรา 10% แลกกับการเข้าถึงเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินและสินค้าเนื้อของอังกฤษเป็นกรณีพิเศษ
ส่วนกับจีนก็อยู่ในลักษณะการตกลงระงับมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ระหว่างกันชั่วคราว
ก่อนหน้านั้น สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ว่า อเมริกาใกล้บรรลุข้อตกลงกับอินเดีย โดยแดนภารตะจะลดภาษีศุลกากรที่จัดเก็บจากสินค้าอเมริกันนำเข้า ส่วนสหรัฐฯจะะลดภาษีศุลกากรซึ่งบริษัทอินเดียต้องจ่ายภายหลังสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันในสัปดาห์หน้า
ส่วน สุพราหมัณยัม ชัยศังกร รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย กล่าวในงานประชุมที่นิวยอร์กเมื่อวันจันทร์ (30 มิ.ย.) ว่า การเจรจาการค้ากับอเมริกามาถึงครึ่งทางแล้ว และเขาหวังว่า จะได้ข้อสรุปที่ดี ทั้งนี้มีรายงานว่า ประเด็นที่ยังขัดแย้งกันอยู่ มีทั้งเรื่องภาษีนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็กกล้า และสินค้าเกษตร
ระหว่างพูดกับพวกผู้สื่อข่าวบนแอร์ฟอร์ซ วัน ทรัมป์นอกจากพูดถึงอินเดียในแง่บวกแล้ว ก็ได้วิจารณ์ญี่ปุ่นที่ลังเลในการนำเข้าข้าวจากอเมริกาทั้งที่แดนอาทิตย์อุทัยกำลังประสบปัญหาข้าวขาดแคลน รวมทั้งญี่ปุ่นยังได้ส่งออกรถยนต์ไปอเมริกาปีละหลายล้านคัน ประธานาธิบดีสหรัฐฯสำทับว่า ไม่แน่ใจว่า จะบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่เนื่องจากญี่ปุ่นดื้อรั้นมาก
ทรัมป์พูดเชิงข่มขู่ว่า จะส่งจดหมายแจ้งญี่ปุ่นว่าต้องจ่ายภาษีศุลกากร 30%, 35% หรืออัตราใดก็ตามที่อเมริกาจะกำหนด เนื่องจากอเมริกาขาดดุลการค้าญี่ปุ่นอย่างมโหฬาร ซึ่งไม่เป็นธรรมสำหรับคนอเมริกัน
ถึงแม้ว่าในการประกาศเมื่อวันที่ 2 เม.ย. นั้น ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรจากสินค้าญี่ปุ่นในอัตรา 24%
นอกจากนั้น ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นทั้งพันธมิตรสำคัญและนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ยังต้องเสียภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% ที่อเมริกาเรียกเก็บจากสินค้าพวก รถยนต์ เหล็กกล้าและอะลูมิเนียม ซึ่งนำเข้าจากประเทศต่างๆ แทบทุกประเทศ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวคนหนึ่งเผยว่า คณะบริหารของทรัมป์มีแผนให้ความสำคัญกับการบรรลุข้อตกลงกับประเทศต่างๆ ที่รวมถึงอินเดีย มากกว่าญี่ปุ่น
ทางด้านโตเกียว นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ กล่าวระหว่างการดีเบตกับพวกหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ที่สโมสรผู้สื่อข่าวแห่งชาติญี่ปุ่น ในกรุงโตเกียวเมื่อวันพุธ (2 มิ.ย.) ย้ำว่า ญี่ปุ่นต่างจากประเทศอื่นๆ ในฐานะที่เป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดในอเมริกา และช่วยสร้างงานในอเมริกา
เขาเสริมว่า จากการที่จุดโฟกัสพื้นฐานของญี่ปุ่นคือการลงทุน ไม่ใช่ภาษีศุลกากร รัฐบาลจะเดินหน้าปกป้องผลประโยชน์ของชาติต่อไป ในเวลาเดียวกับที่ทำงานเพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับญี่ปุ่น
สถานีทีวี อาซาฮีรายงานในวันเดียวกันว่า เรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีกระทรวงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและผู้แทนการเจรจาด้านภาษีศุลกากรของญี่ปุ่น กำลังเตรียมตัวเดินทางไปเจรจากับอเมริการอบที่ 8 ซึ่งอย่างเร็วที่สุดอาจเป็นในช่วงสุดสัปดาห์นี้
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)