อเมริกา-จีน บรรลุข้อตกลงลดภาษีศุลกากรระหว่างกันลง 115% เป็นการชั่วคราวนาน 90 วัน รวมทั้งเห็นพ้องสานต่อการหารือเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งและยุติสงครามการค้าที่บั่นทอนแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก และฉุดตลาดการเงินดำดิ่งก่อนหน้านี้
เจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) หนึ่งในผู้เจรจาคนสำคัญของฝ่ายอเมริกา แถลงจากเจนีวาเมื่อวันจันทร์ (12 พ.ค.) ว่า อเมริกาตกลงลดภาษีศุลกากรสินค้าจีนลง 115% จาก 145% เหลือ 30% ขณะที่จีนตกลงลดภาษีศุลกากรสินค้าอเมริกันลงในอัตรา 115% เช่นกัน จากที่ขึ้นไปเป็น 125% ดังนั้นจึงคงเหลือที่ 10%
นอกจากนั้นทั้งสองประเทศยังตกลงจัดตั้งกลไกการหารือเพื่อสานต่อการแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้าและเศรษฐกิจ
สกอต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้เจรจาคนสำคัญของอเมริกาอีกคนหนึ่ง กล่าวสำทับว่า คณะผู้แทนของทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่า ไม่ต้องการแยกขาดจากกัน รวมทั้งไม่ต้องการใช้ภาษีศุลกากรอัตราสูงลิบ ที่เทียบได้กับการคว่ำบาตรทางการค้าต่อกัน หากแต่ต้องการการค้าที่สมดุล และอเมริกาจะเดินหน้าผลักดันเป้าหมายนี้ต่อไป
เบสเซนต์ยังกล่าวว่า การหารือกับคณะเจรจาฝ่ายจีน ซึ่งบุคคลสำคัญคือ รองนายกรัฐมนตรีเหอ ลี่เฟิง แล ะหลี่ เฉิงกัง ผู้แทนการค้าระหว่างประเทศของจีนที่นครเจนีวา , สวิตเซอร์แลนด์ เป็นเวลา 2 วัน ในวันเสาร์และอาทิตย์ (10-11 พ.ค.) ที่ผ่านมา เป็นไปด้วยดี และทั้งสองฝ่ายต่างเคารพกันและกัน
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์จีนแถลงที่กรุงปักกิ่ง ยกย่องการหารือที่เจนีวาว่า มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนและมีการลดภาษีศุลกากรระหว่างกันลงจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ผลิตและผู้บริโภคของทั้งสองประเทศ รวมทั้งเป็นผลประโยชน์ของจีน อเมริกา และทั่วโลก
คำแถลงของกระทรวงพาณิชย์จีนยังแสดงความหวังว่า วอชิงตันจะร่วมมือกับปักกิ่งต่อไปเพื่อแก้ไขแนวทางปฏิบัติที่ผิดพลาดเกี่ยวกับการขึ้นภาษีศุลกากรฝ่ายเดียว ตลอดจนถึงส่งเสริมความแน่นอนและเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลก ก่อนสำทับว่า ทั้งสองประเทศตกลงจัดการหารือกันอย่างต่อเนื่องในจีน อเมริกา หรือประเทศที่สาม ตามที่จะตกลงกัน และอาจจัดการเจรจาการค้าระดับสูงหากจำเป็น
ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนยวบหลังทรัมป์ประกาศมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรกับประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกเมื่อเดือนที่แล้ว แข็งขึ้นทันตาในวันจันทร์ เช่นเดียวกับราคาหุ้นในตลาดเอเชีย ยุโรป รวมถึงพวกสัญญาฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นล่วงหน้าในตลาดนิวยอร์ก
การหารือที่เจนีวาคราวนี้ถือเป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างเจ้าหน้าที่เศรษฐกิจอาวุโสของจีนและอเมริกา นับจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับสู่ทำเนียบขาวรอบสอง และเปิดสงครามภาษีศุลกากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรีดภาษีอัตรามหาโหดจากจีนเมื่อเดือนที่แล้ว
นับจากเข้ารับตำแหน่งวาระสองในเดือนมกราคม ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนรวมแล้ว 145% เพิ่มเติมจากภาษีที่เขาเรียกเก็บจากสินค้าจีนหลายรายการระหว่างดำรงตำแหน่งสมัยแรก และภาษีศุลกากรในสมัยอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน
ทางด้านปักกิ่งตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธบางชนิด ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการผลิตอาวุธและคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกา รวมทั้งเรียกเก็บภาษี 125% จากสินค้าอเมริกัน
ความขัดแย้งทางภาษีทำให้การค้าระหว่างอเมริกา-จีนมูลค่าเกือบ 600,000 ล้านดอลลาร์หยุดนิ่ง ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก จุดชนวนความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศทั้งสอง รวมทั้งเศรษฐกิจทั่วโลกประสบภาวะชะงักงันและเงินเฟ้อ รวมถึงจะต้องมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
จาง จือเว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของพินพอยต์ แอสเซ็ต แมเนจเมนต์ในฮ่องกง กล่าวว่า ผลการหารือระหว่างจีนกับอเมริกาออกมาดีเกินคาด จากก่อนหน้านี้ที่คิดว่า ทั้งสองฝ่ายน่าจะตกลงลดภาษีกันแค่ 50% เท่านั้น จึงถือเป็นข่าวดีมากสำหรับเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศและเศรษฐกิจโลก รวมทั้งทำให้นักลงทุนเบาใจลงเกี่ยวกับความเสียหายของห่วงโซ่อุปทานโลกในระยะสั้น
ทั้งนี้ ภายหลังการเจรจาเมื่อวันอาทิตย์ (11 พ.ค.) เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แย้มว่า บรรลุข้อตกลงเพื่อลดการขาดดุลการค้าของอเมริกา ขณะที่เจ้าหน้าที่จีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายบรรลุฉันทามติที่สำคัญ และตกลงเริ่มการหารือทางเศรษฐกิจรอบใหม่
ทางด้านทรัมป์ประกาศก่อนที่การหารือที่เจนีวาจะสิ้นสุดลงว่า จีนและอเมริกาตกลงรีเซ็ตความสัมพันธ์ใหม่หมดด้วยวิธีที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี)