ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์(11พ.ค.) ยกย่อง "การเริ่มใหม่โดยสมบูรณ์" ในความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีน หลังผ่านพ้นการเจรจาวันแรกระหว่างพวกเจ้าหน้าที่วอชิงตันกับพวกเจ้าหน้าที่ปักกิ่งในเจนีวา ซึ่งมีเป้าหมายลดความตึงเครียดอันเนื่องมาจากมาตรการรีดภาษีของเขา ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐฯยังส่งสัญญาณอาจมีการปรับลดเพภานภาษีพื้นฐานที่เรียกเก็บกับชาติต่างๆเช่นกัน
ในข้อความที่โพสต์บนทรัสต์โซเชียล เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์(10พ.ค.) ตามเวลาในวอชิงตัน ทรัมป์ ยกย่องการพูดคุยว่า "ดีมากๆ" และมองมันว่าเป็น "การเจรจาเริ่มต้นใหม่โดยสิ้นเชิงในความเป็นมิตร แต่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และอย่างมีมารยาท เราต้องการเห็น สิ่งดีๆกับทั้งจีนและสหรัฐฯ การเปิดว้างของจีนที่มีต่อภาคธุรกิจของอเมริกา"
ทรัมป์เขียนต่อว่า "มีความคืบหน้าอย่างยอดเยี่ยม"
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯและจามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้า พบปะกับ เหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ในการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ ทรัมป์ กำหนดเพดานภาษีสูงลิ่วเล่นงานสินค้านำเข้าจากจีนในเดือนที่แล้ว กระตุ้นการตอบโต้หนักหน่วงจากปักกิ่ง
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับการเจรจา ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม คาดหมายว่าการพูดคุยหารือจะเดินหน้าต่อไปในวันอาทิตย์(11พ.ค.) ในเจนีวา ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของจีน เผยแพร่ความเห็นของผู้สัดทัดกรณีรายหนึ่ง ระบุว่า "การติดต่อพูดคุยในสวิตเซอร์แลนด์ เป็นก้าวย่างที่สำคัญในการส่งเสริมหาทางออกของประเด็นนี้"
การเจรจาลับครั้งนี้จัดขึ้นที่บ้านพักของเอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำสหประชาชาติ ในเจนีวา
มาตรการรีดภาษีของทรัมป์ที่กำหนดเล่นงานจีนมาตั้งแต่เข้าสู่ปี 2025 เวลานี้อยู่ที่ 145% แต่หากนับรวมภาษีสะสมที่ผ่านๆมาของสหรัฐฯ ทำให้เพดานภาษีสำหรับสินค้าบางรายการที่นำเข้าจากจีน แตะระดับ 245% เลยทีเดียว ในทางกลับกัน จีน ตอบโต้ด้วยการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ 125% ตอกย้ำในสิ่งที่เรียกว่าแทบเป็นการปิดกั้นทางการค้าระหว่าง 2 ชาติ
ทรัมป์ในวันศุกร์(9พ.ค.) ส่งสัญญาณว่าเขาอาจปรับลดเพดานภาษีสูงลิ่วที่กำหนดเล่นงานสินค้านำเข้าจากจีน โดยใช้สื่อสังคมออนไลน์บ่งชี้ว่า "รีดภาษีจีน 80% ดูเป็นสิ่งที่ถูกต้อง!" ในขณะที่ ฮาวเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับฟ็อกซ์นิวส์ในวันเดียวกัน บอกว่า "ท่านประธานาธิบดีอยากทำงานหาทางออกกับจีน เขาอยากลดสถานการณ์ความตึงเครียด"
อย่างไรก็ตาม แคโรไลน์ ลีวิตต์ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของทำเนียบขาว ยืนยันว่าสหรัฐฯจะไม่ลดเพดานภาษีแต่เพียงฝ่ายเดียว และบอกว่าจีนจำเป็นต้องยอมอ่อนข้อด้วย
เบสเซนต์ บอกว่าการประชุมในสวิตเซอร์แลนด์ จะมุ่งเน้นไปที่การลดความตึงเครียด และไม่พุ่งเป้าไปที่ข้อตกลงการค้าใหญ่ใดๆ ในขณะที่ ปักกิ่ง ยืนกรานว่าสหรัฐฯต้องยกเลิกมาตรการรีดภาษีก่อนเป็นลำดับแรกและประกาศปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง "สงครามการค้าและศึกรีดภาษีจะไม่มีผู้ชนะ" ความเห็นของผู้สัดทัดกรณีหนึ่งที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวซินหัว
การพบปะกันระหว่าง เบสเซนต์ กับ เหอ มีขึ้น 2 วันหลังจาก ทรัมป์ เปิดตัวข้อตกลงการค้ากับสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นข้อตกลงชาติแรก นับตั้งแต่ ทรัมป์ ปลดปล่อยมาตรการรีดภาษีที่ก่อแรงสั่นสะเทือนไปทั่งโลก
ในข้อตกลง 5 หน้าที่ไม่มีพันธะผูกพันกับลอนดอน กลายเป็นตัวตอกย้ำความกังวลของนักลงทุนที่ว่า สหรัฐฯมีเจตนาเจรจาผ่อนปรนมาตรการรีดภาษีที่กำหนดเมื่อเร็วๆนี้ แยกเป็นแต่ละภาคส่วนเจาะจงไป ในกรณีนี้ประกอบด้วยรถยนต์ เหล็กและอลูมีเนียม ที่ผลิตในสหราชอาณาจักร ในขณะที่สหราชอาณาจักร ตอบแทนด้วยการเปิดทางให้เนื้อและผลิตภัณฑ์ฟาร์มอื่นๆของสหรัฐฯเข้าสู่ตลาดของพวกเขา
อย่างไรก็ตามสหรัฐฯยังคงอัตราภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหราชอณาจักร และทาง ลีวิตต์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์(10พ.ค.) ว่าจะคงภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับประเทศอื่นๆเช่นกัน
กระนั้นก็ตามในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ทรัมป์ ดูเหมือนจะแสดงความคิดเห็นสวนทางกับคำพูดของ ลีวิตต์ โดยเขาบ่งชี้ว่าอาจมีความยืดหยุ่นในเรื่องของภาษีพื้นฐาน แต่ในเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสามารถบรรลุข้อตกลงที่เหมาะสมกันได้เท่านั้น
"อาจมีข้อยกเว้นในบางกรณี แล้วเราจะได้เห็นกัน" เขากล่าว "ใครก็ตามที่มอบข้อยกเว้นบางอย่างแก่เรา มันมีความเป็นไปได้เสมอ"
(ที่มา:เอเอฟพี)