xs
xsm
sm
md
lg

ยืนยันแล้ว ‘ทรัมป์-ปูติน’ ต่อสายคุยกันวันอังคาร ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อมีโอกาสสูงยุติสงครามในยูเครน แย้มเตรียมพูดเรื่องดินแดนที่เคียฟต้องสละ-โรงไฟฟ้านิวเคลียร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียต่างยืนยันแล้ว ทรัมป์กับปูตินนัดหารือกันทางโทรศัพท์วันอังคาร (18 มี.ค.) นี้ โดยประมุขทำเนียบขาวเชื่อมีโอกาสมากที่จะทำให้สงครามในยูเครนปิดฉากลง ทั้งยังบอกอีกว่า เตรียมคุยกับผู้นำเครมลินเรื่องดินแดนที่เคียฟต้องยอมสละ และการควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย

“เราต้องการที่จะดูว่า เราสามารถที่จะนำสงครามคราวนี้เข้าสู่จุดยุติได้หรือไม่” ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ (16) บน “แอร์ฟอร์ซวัน” เครืองบินประจำตำแหน่งของเขา ระหว่างเที่ยวบินกลับจากรัฐฟลอริดามายังพื้นที่กรุงวอชิงตัน “บางทีเราน่าจะสามารถทำได้ แต่บางทีเราก็อาจจะทำไม่ได้ แต่ผมคิดว่าเรามีโอกาสที่ดีมากทีเดียว”

“ผมกำลังจะพูดคุยกับประธานาธิบดีปูตินในวันอังคาร มีงานเยอะแยะเลยที่จะต้องทำให้เสร็จในช่วงสุดสัปดาห์นี้” เขากล่าว

ทรัมป์กำลังพยายามที่จะทำให้ปูตินสนับสนุนข้อเสนอหยุดยิงเป็นเวลา 30 วันที่ยูเครนประกาศยอมรับไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ทั้งสองฝ่ายยังคงกำลังแลกหมัดเปิดการโจมตีใส่กันทางอากาศหนักหน่วงอย่างต่อเนื่องตลอดระยะสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และรัสเซียสามารถขยับใกล้เข้าไปอีกในการขับไล่กองทหารยูเครนให้ออกไปจากการยึดพื้นที่จำนวนหนึ่งในแคว้นคูร์สก์ ทางภาคตะวันตกของรัสเซีย หลังจากครอบครองเอาไว้นานหลายเดือน

เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามว่ากำลังมีการพิจารณาเรื่องต้องยอมอ่อนข้ออะไรให้แก่กันบ้างในการเจรจาเพื่อให้มีการหยุดยิงในยูเครน ทรัมป์ตอบว่า “เรากำลังพูดจากันเกี่ยวกับเรื่องดินแดน เรากำลังพูดจากันเกี่ยวกับเรื่องโรงไฟฟ้า ... เรากำลังพร้อมแล้วที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ จัดแจงแบ่งทรัพย์สินอะไรบางอย่าง”

ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียด แต่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่เขากำลังอ้างอิงถึงโรงไฟฟ้าซาโปริซเซียในยูเครน โดยที่เวลานี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งใหญ่ที่สุดของยุโรปแห่งนี้อยู่ในความครอบครองของฝ่ายรัสเซีย

สำหรับฝ่ายรัสเซีย ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวยืนยันในวันจันทร์ (17) ว่า ปูตินจะพูดคุยกับทรัมป์ทางโทรศัพท์ในวันอังคาร แต่ไม่ขอออกความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่ทรัมป์พูดถึงในเรื่องดินแดนและโรงไฟฟ้า

ทำเนียบเครมลินเคยแถลงไว้ตั้งแต่วันศุกร์ (14) ว่า ปูตินได้ส่งข่าวไปถึงทรัมป์แล้วเกี่ยวกับแผนการหยุดยิงของเขา โดยผ่านทางผู้แทนของสหรัฐฯ สตรีฟ วิตคอฟฟ์ ซึ่งได้เดินทางไปเจรจากับฝ่ายรัสเซียในกรุงมอสโก และได้แสดง “การมองโลกแง่ดีด้วยท่าทีระมัดระวัง” ว่า น่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันเพื่อยุติการสู้รบขัดแย้งในยูเครนซึ่งดำเนินมากว่า 3 ปีแล้ว

ในวันอาทิตย์ (16 ) ทั้ง วิตคอฟฟ์ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ได้แยกย้ายกันไปออกรายงานให้สัมภาษณ์ทางทีวีอเมริกันช่องต่างๆ แต่ย้ำข้อความทำนองเดียวกันว่า ยังคงมีความท้าทายที่ต้องจัดการให้ได้ก่อนที่รัสเซียจะตกลงหยุดยิง ตลอดจนการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีเพื่อยุติสงคราม

เมื่อถูกผู้ดำเนินรายการของเอบีซียิงคำถามว่า อเมริกาจะยอมรับข้อตกลงสันติภาพที่อนุญาตให้รัสเซียครอบครองดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนที่พวกเขายึดอยู่หรือไม่ วอลซ์ตอบว่า การเจรจาต้องอิงกับความเป็นจริง

ทางด้านรูบิโอให้สัมภาษณ์กับซีบีเอสว่า ข้อตกลงสันติภาพขั้นสุดท้ายจะเกี่ยวกับการประนีประนอมจากทั้งรัสเซียและยูเครน และคงยากที่จะเริ่มต้นการเจรจาตราบที่ทั้งสองประเทศยังโจมตีกันอยู่

ทั้งนี้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ ยูเครนได้ส่งโดรนโจมตีโรงไฟฟ้าในแคว้นอัสตราคัน ทางใต้ของรัสเซีย ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 คนและเกิดไฟลุกไหม้ และช่วงเวลาเดียวกันนั้นรัสเซียส่งโดรนโจมตีเมืองหลวงของยูเครน

ทางด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า มีโอกาสมากที่จะยุติสงครามในยูเครน แต่ย้ำว่า อธิปไตยของยูเครนไม่ใช่สิ่งที่ต่อรองได้ และรัสเซียต้องคืนดินแดนที่ยึดไป ซึ่งรวมถึงคาบสมุทรไครเมียที่มอสโกเข้าผนวกในปี 2014 และ 4 แคว้นในยูเครนที่รัสเซียเข้ายึดไว้บางส่วนนับจากยกทัพบุกในปี 2022

ทว่า อเล็กซานเดอร์ กรุชโค รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย ให้สัมภาษณ์อิซเวสเทีย ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นของรัสเซียที่นำออกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ว่า สนธิสัญญาสันติภาพระยะยาวต้องเป็นไปตามข้อเรียกร้องของรัสเซียคือ มีการรับประกันความมั่นคงของรัสเซียขั้นเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงการที่ยูเครนจะต้องคงสถานะประเทศที่เป็นกลาง และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ต้องไม่ยอมรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก

นอกจากนั้น กรุชโคยังกล่าวถึงกรณีที่พันธมิตรตะวันตก เช่น อังกฤษและฝรั่งเศส ประกาศความพร้อมในการส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปติดตามสถานการณ์การหยุดยิงในยูเครนว่า การกระทำดังกล่าวในขณะที่สงครามยังไม่จบจะเท่ากับเป็นการนำกำลังทหารเข้าประจำการในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง และทำให้กองกำลังเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง

(ที่มา : รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น