xs
xsm
sm
md
lg

หูรูดนะรู้จักไม๊? ‘อีลอน มัสก์’ลบโพสต์ ‘ไม่เห็นมีใครลอบสังหารไบเดน-แฮร์ริสมั่ง’ พูดแก้ตัว ‘แค่ประชดขำๆ’ ขณะ‘ทรัมป์’ได้ทีโทษ 2 นักการเมืองอริ เป็นเหตุให้ตนถูกลอบฆ่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อีลอน มัสก์ ลบโพสต์ของตัวเองที่เปรยว่า “ไม่เห็นมีใครลอบฆ่าไบเดนและแฮร์ริส” หลังเกิดเหตุทรัมป์ถูกคนลอบสังหารครั้งที่สองในรอบสองเดือน ขณะที่ ซีเคร็ต เซอร์วิสยันอารักขาอดีตประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันเต็มที่ ด้านทรัมป์โทษว่า การยั่วยุปลุกปั่นของไบเดนและแฮร์ริสทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าหมายความรุนแรง

มัสก์ นักธุรกิจหลายแสนล้านที่มีผู้ติดตามบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์เกือบ 200 ล้านราย อ้าแขนรับอุดมการณ์อนุรักษนิยมมากขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และประกาศสนับสนุนโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน

เมื่อวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) มัสก์โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ที่เขาซื้อมาด้วยราคา 44,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2022 ว่า “ไม่มีใครแม้แต่จะพยายามลอบสังหารไบเดน/กมลา” และปิดท้ายด้วยอิโมจิรูปหน้ายักคิ้ว

โพสต์ดังกล่าวถูกผู้ใช้เอ็กซ์ทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาวิจารณ์ทันควัน เนื่องจากกลัวว่า ความคิดเห็นของมัสก์อาจยั่วยุให้มีการก่อความรุนแรงโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส

ปรากฏว่า มัสก์ยอมลบโพสต์ดังกล่าวตอนเช้าวันจันทร์ (16) แล้วโพสต์ข้อความใหม่ว่า “ผมได้บทเรียนว่า การพูดบางสิ่งบางอย่างและทำให้คนกลุ่มหนึ่งขบขำ ไม่ได้หมายความว่า ทุกคนจะขำไปด้วย”

ด้าน แอนดรูว์ เบตส์ โฆษกทำเนียบขาว วิจารณ์การโพสต์ของมัสก์ว่า ความรุนแรงเป็นสิ่งที่ควรถูกประณาม ไม่ใช่ส่งเสริมหรือเอามาพูดเป็นเรื่องตลก และทิ้งท้ายว่า คำพูดของมัสก์ไร้ความรับผิดชอบ

ทางด้านโฆษกของกรมกิจการลับ (Secret Service) สหรัฐฯ แถลงว่า รับรู้เกี่ยวกับโพสต์ของมัสก์ แต่ตามแนวทางปฏิบัติแล้วไม่สามารถแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อมูลข่าวกรองในการอารักขาบุคคลสำคัญ ถึงแม้อาจบอกได้ว่า กรมกิจการลับมีการสอบสวนภัยคุกคามทั้งหมดซึ่งมีต่อผู้ที่ทางกรมอารักขา

เวลาเดียวกัน กรมกิจการลับได้ออกมาปกป้องการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของตน หลังเกิดเหตุการณ์ผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งที่มีอาวุธคล้ายปืนอาก้าติดตัวอยู่ ไปแอบซุ่มรอทรัมป์เป็นเวลานานเกือบ 12 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลาเกือบตี 2 ของวันอาทิตย์ (15) ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งของทรัมป์ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา โดยเห็นได้ชัดว่า มีความพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีผู้นี้

กรมกิจการลับชี้แจงว่า จุดที่ผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวซึ่งต่อมาตำรวจระบุว่าคือ ไรอัน เวสลีย์ รูธ วัย 58 ปี ซุ่มอยู่ในพุ่มไม้นั้น มองเห็นทรัมป์ที่กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ได้ไม่ชัดเจน อีกทั้งไม่มีโอกาสยิงเนื่องจากเจ้าหน้าที่สังเกตเห็นลำกล้องปืนไรเฟิลที่ยื่นออกมาจากพุ่มไม้ จึงยิงเข้าใส่ก่อน รูธแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ก็ได้รีบหลบหนีไป ก่อนถูกตามจับตัวได้ในภายหลัง

ด้าน โรนัลด์ โรว์ รักษาการผู้อำนวยการกรมกิจการลับ เผยว่า ไม่มีการเปิดเผยการเดินทางไปสนามกอล์ฟของทรัมป์ในวันนั้น และไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ผู้ต้องสงสัยรู้แน่นอนหรือไม่ว่า ทรัมป์อยู่ที่นั่น

โรว์ยังยืนยันว่า ให้การอารักขาทรัมป์ในระดับสูงสุด

สำหรับทางด้านทรัมป์นั้น กำลังพยายามโทษแฮร์ริสและไบเดนว่า เป็นต้นเหตุทำให้ตนเองถูกลอบสังหารครั้งที่ 2 ในช่วงเวลา 2 เดือน ถึงแม้ไบเดนและแฮร์ริสต่างแถลงประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทรัมป์ และไบเดนยังโทรศัพท์หาทรัมป์ ซึ่งทำเนียบขาวแถลงว่า ทั้งคู่ “คุยกันด้วยน้ำใสใจจริง”

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ ดิจิทัลว่า วาทกรรมของไบเดนและแฮร์ริสทำให้เขาถูกยิง ขณะที่ตัวเขาเป็นคนที่ต้องการปกป้องประเทศชาติ แต่คนทั้งสองเป็นผู้ทำลายประเทศชาติ

ทั้งนี้ ไบเดนและแฮร์ริสโจมตีว่า ทรัมป์เป็นอันตรายต่อประชาธิปไตย จากการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020 รวมทั้งการที่ทีมหาเสียงของอดีตประธานาธิบดีผู้นี้ระบุว่า กลุ่มกองเชียร์ทรัมป์ที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อต้นปี 2021 เป็นเพียงผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง

ขณะที่ตัวทรัมป์เองหาเสียงโดยชูประเด็นการเตือนอันตรายจากการบุกรุกของผู้อพยพต่างชาติ ตลอดจนอ้างว่า อเมริกากลายกำลังเป็นประเทศที่ตกต่ำ รวมทั้งยังชอบใช้ถ้อยคำยั่วยุโทสะ

สำหรับผู้ต้องสงสัยที่พยายามลอบสังหารทรัมป์นั้น มีการเปิดเผยว่า เป็นผู้ที่มีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียด รวมทั้งเป็นผู้ที่หมกมุ่นกับสงครามยูเครน โดยประกาศว่า ต้องการอาสาสมัครไปรบ และพยายามระดมนักรบต่างชาติไปช่วยยูเครนขับไล่การรุกรานของรัสเซีย

อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากเมืองกรีนโบโร รัฐนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของเขา ระบุว่า รูธลงทะเบียนเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งอิสระ แม้เขาจะเคยหนุนทรัมป์ แล้วต่อมาเปลี่ยนใจหันมาหนุนเดโมแครต

รูธถูกนำตัวขึ้นศาลชั้นต้นสหรัฐฯในวันจันทร์ โดยในคำฟ้องร้องได้ตั้งข้อหาเขาเกี่ยวกับอาวุธปืน 2 กระทง และคาดกันว่าเขาจะถูกกล่าวโทษเพิ่มขึ้นอีก

(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น