ทรัมป์ชี้ไต้หวันสมควร “จ่าย” ค่าคุ้มครองให้อเมริกา เนื่องจากไต้หวันไม่ได้ให้อะไรแก่สหรัฐฯ เพื่อตอบแทนการให้ความคุ้มครองป้องกัน พร้อมกันนั้น เขายังวิพากษ์วิจารณ์ทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นกิจการโรงงานรับจ้างผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก มีพฤติกรรมขโมยธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์อเมริกัน ทั้งๆ ที่ได้เงินทุนอุดหนุนจากวอชิงตันไปหลายพันล้านดอลลาร์
ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก บิสซิเนสวีก ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เพิ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (16) โดนัลด์ ทรัมป์ ตอบคำถามที่ว่า จะปกป้องไต้หวันจากจีนหรือไม่ โดยบอกว่า เขารู้จักและเคารพคนไต้หวัน เพราะคนเหล่านั้นแย่งธุรกิจชิปอเมริกาไปเกือบ 100% ดังนั้น เขาจึงคิดว่าไต้หวันควรจ่ายค่าคุ้มครองให้อเมริกา
แม้วอชิงตันไม่ได้ให้การรับรองไต้หวันในทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่สหรัฐฯ ยังคงเป็นหุ้นส่วนและผู้จัดหาอาวุธรายหลักของไทเป โดยเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งอนุมัติแพกเกจความช่วยเหลือด้านการทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุผลว่าเพื่อให้ไต้หวันรับมือการคุกคามจากจีน
นอกจากนั้น ในระยะหลังๆ มานี้ไต้หวันยังมีความสำคัญเพิ่มขึ้นจากการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะการผลิตชิปไฮเทคขั้นสูงที่ทรงความสำคัญสำหรับเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ กิจการพี่เอื้อยทางด้านนี้คือ บริษัท ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง คอมปานี (ทีเอสเอ็มซี)
สหรัฐฯ ซึ่งมีนโยบายที่จะดึงเอาอุตสาหกรรมนี้กลับเข้ามาในประเทศอีกครั้งหนึ่ง ได้ออกกฎหมายชิปและวิทยาศาสตร์เมื่อปี 2022 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะดึงดูดบริษัทต่างๆ เข้าไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิปในแดนลุงแซม ด้วยมาตรการอุดหนุนและให้ผลประโยชน์ต่างๆ
จากสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมายบับนี้ ทีเอสเอ็มซีก็เป็นรายหนึ่งที่กำลังเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ โดยกำลังสร้างโรงงาน 2 แห่งในสหรัฐฯ อีกทั้งประกาศแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 3 ไปเมื่อเดือนเมษายน รวมเป็นเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 65,000 ล้านดอลลาร์
ทรัมป์บ่นพึมระหว่างใหสัมภาษณ์ครั้งนี้ว่า วอชิงตัน “กำลังให้เงินพวกเขาหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างชิปใหม่ในประเทศของเรา แต่พวกเขาก็กำลังจะเอาอันนั้นไปด้วย”
“ผมคิดว่าเรากำลังทำตัวไม่ได้แตกต่างจากการเป็นกรมธรรม์ประกันภัยเลย ทำไม? ทำไมเราจะต้องทำอย่างนี้? พวกเขายึดเอาอุตสาหกรรมชิปของเราไปแทบทั้ง 100% เลยนะ ผมต้องให้เครดิตพวกเขาว่าแน่มาก” เขากล่าว
ด้านนายกรัฐมนตรีโช จุงไท่ ของไต้หวัน แสดงการรับรู้คำให้สัมภาษณ์ของทรัมป์ โดยออกมากล่าวเมื่อวันพุธ (17) ว่า ไทเปได้เพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา และยินดีรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการป้องกันตนเองและความมั่นคงของประเทศ
เขายังบอกอีกว่า ความสัมพันธ์ไต้หวัน-อเมริกาเข้มแข็งมากขึ้นอย่างชัดเจน และการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันและอินโด-แปซิฟิกเป็นความรับผิดชอบและเป้าหมายร่วมกันของสองฝ่าย
ขณะเดียวกัน คำพูดของทรัมป์คราวนี้ยังทำให้หุ้นของทีเอสเอ็มซี ร่วง โดยปิดตลาดหุ้นไต้หวันเมื่อวันพุธ (17) ราคาหุ้นตัวนี้ลดต่ำลง 2.4%
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคาร (16) ทรัมป์ได้เดินทางไปร่วมการประชุมใหญ่พรรครีพับลิกัน ซึ่งจัดขึ้นเป็นวันที่ 2 โดยที่ธีมหลักของงานยังคงมุ่งส่งเสริมความสามัคคี ด้วยการที่อดีตแคนดิเดตแย่งชิงการเป็นตัวแทนพรรคลงศึกชิงทำเนียบขาวอย่างนิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ และรอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ต่างออกมาประกาศรับรองสนับสนุนทรัมป์
อย่างไรก็ดี การปราศรัยในคืนวันอังคารยังเน้นย้ำประเด็นการรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย และผู้ปราศรัยหลายคนประณามนโยบายคนเข้าเมืองและนโยบายการรักษาความปลอดภัยชายแดนทางใต้ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งพรรคเดโมแครต
ทรัมป์นั้นประกาศระหว่างการปราศรัยหาเสียงของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า จะเริ่มต้นการเนรเทศพวกผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และการปราศรัยเผ็ดร้อนของสมาชิกหลายคนตรงข้ามกับการส่งเสริมเอกภาพของอเมริกาตามที่อดีตประธานาธิบดีผู้นี้ให้สัญญาหลังรอดพ้นจากการพยายามลอบสังหารระหว่างหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันเสาร์ (13 ก.ค.)
สำหรับการประชุมในวันพุธ (18 ก.ค.) จะถึงคิวที่ เจ.ดี. แวนซ์ ออกมาปราศรัยครั้งแรกในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อลงเลือกตั้งในตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับทรัมป์
แวนซ์เป็นหนึ่งใน “พวกไม่เอาทรัมป์” ตอนที่อดีตเจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ชนะการเลือกตั้งในปี 2016 โดยตราหน้าเป็น “หายนะด้านศีลธรรม” และยังเปรียบเทียบว่า เป็นฮิตเลอร์แห่งอเมริกา
แต่หลังจากลงเล่นการเมืองและได้รับการรับรองจากทรัมป์ระหว่างลงเลือกตั้งชิงเก้าอี้วุฒิสมาชิกรัฐโอไฮโอ แวนซ์กลับกลายเป็นสาวกที่ภักดีต่อทรัมป์สุดตัว
วันจันทร์ที่ผ่านมา (15 ก.ค.) เขาให้สัมภาษณ์ฟ็อกซ์ นิวส์ โดยยอมรับว่า เมื่อ 8 ปีที่แล้วเขาเคยสงสัยในตัวทรัมป์ แต่ตอนนี้เขาคิดว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)