ฝรั่งเศสกำลังจัดเตรียมกองกำลังของพวกเขาสำหรับประจำการในยูเครน จากคำกล่าวอ้างของเซอร์เก นารีชกิน ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ (SVR) ของรัสเซียในคำแถลงเมื่อวันอังคาร (19 มี.ค.) พร้อมกับอ้างว่าปารีสกำลังหาทางส่งทหารสูงสุด 2,000 นาย เข้าไปยังยูเครน
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าเขาไม่ตัดความเป็นไปได้กรณีที่ทหารตะวันตกจะถูกส่งเข้าไปช่วยเหลือยูเครน ในการสู้รบกับมอสโก พร้อมตราหน้ามอสโกว่าเป็น "ศัตรู" แม้อีกด้านหนึ่งจะปฏิเสธว่า ปารีสไม่ได้กำลังทำสงครามกับรัสเซีย
กองทัพรัสเซียและเจ้าหน้าที่ระดับสูงเคยบ่งชี้มาแล้วหลายครั้งว่าที่ผ่านมา มีทหารรับจ้างฝรั่งเศสร่วมสู้รบให้กับเคียฟในยูเครนอยู่ก่อนแล้ว ขณะที่เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่ามีชาวต่างชาติมากกว่า 60 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเมืองฝรั่งเศส ถูกสังหารในปฏิบัติการโจมตีแม่นยำสูง ณ จุดรวมตัวชั่วคราวแห่งหนึ่งของพวกนักรบต่างชาติ
ในถ้อยแถลงเมื่อวันอังคาร (19 มี.ค.) ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศแห่งรัสเซีย บอกว่ากองทัพฝรั่งเศสเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับจำนวนพลเมืองฝรั่งเศสที่เสียชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ในยูเครน
"ระดับความสูญเสียในปัจจุบันเกินเลยเกณฑ์ทางจิตวิทยาและอาจโหมกระพือการประท้วง" ถ้อยแถลงระบุ พร้อมบอกว่ารัฐบาลมาครงกำลังปกปิดข้อมูลนี้ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วข้อมูลดังกล่าวก็จะถูกเผยแพร่ออกมา
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศรัสเซีย กล่าวอ้างว่ากองทัพฝรั่งเศสมีความกังวลเกี่ยวกับแผนของรัฐบาล ที่จะส่งกองพลเข้าไปยังยูเครน โดยมองว่าปฏิบัติการลักษณะดังกล่าวเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการโดยที่ทางรัสเซียไม่สังเกตเห็น
นอกจากนี้ นารีชกิน กล่าวอ้างด้วยว่า "ทหารของฝรั่งเศสจะกลายเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมลำดับต้นๆ ของปฏิบัติการโจมตีของกองทัพรัสเซียแทน"
คำกล่าวอ้างดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนายพลปีแยร์ ชิลล์ ประธานคณะเสนาธิการทหารฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร (19 มี.ค.) ว่าฝรั่งเศสเตรียมพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการสู้รบทางทหารที่หนักหน่วงที่สุด และพร้อมเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศใดๆ
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวอ้างในสัปดาห์นี้ ว่า พวกทหารรับจ้างตะวันตก ในนั้นรวมถึงพลเรือนฝรั่งเศสเสียชีวิตในยูเครน "เป็นจำนวนมาก" และในความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่นาโตจะประจำการทหารในยูเครน ปูตินเตือนว่ามันเป็นย่างก้าวหนึ่งที่ทำให้โลกห่างจากสงครรามโลกครั้งที่ 3 อีกเพียงก้าวเดียว
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)