เจ้าหน้าที่สหประชาชาติหลายคนแสดงความโกรธเกรี้ยวและความรู้สึกเหลือเชื่อเกี่ยวกับสถานการณ์ในโรงพยาบาลต่างๆ ที่ฉนวนกาซา ซึ่งประชาชนผู้บาดเจ็บไม่อาจได้รับการดูแลรักษาแม้ในขั้นพื้นฐาน และเด็กๆ ที่กำลังฟื้นตัวจากการถูกตัดแขนตัดขา กลับถูกสังหารผลาญชีวิตเมื่อโรงพยาบาลเองถูกถล่มโจมตี
มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวในขณะแถลงถึงสถานการณ์ในโรงพยาบาลต่างๆ ที่กาซาว่า เลวร้ายจน “เหลือเชื่อ” และ “ไร้จิตสำนึก”
ส่วน เจมส์ เอลเดอร์ โฆษกขององค์การกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ที่กลับจากการไปเยือนกาซาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ กล่าวในการแถลงข่าวที่เมืองเจนีวาในวันอังคาร (19) ว่า กาซาคือ “สถานที่อันตรายที่สุดในโลก” สำหรับเด็กๆ
“ผมรู้สึกโกรธเกรี้ยวพวกที่มีอำนาจซึ่งยักไหล่ไม่แยแสกับฝันร้ายทางมนุษยธรรมซึ่งกระทำเอากับเด็กๆ เป็นล้านคน”
เขาพูดถึงเด็กๆ ที่กำลังถูกตัดแขนตัดขา และผู้ซึ่งจากนั้น “ก็ถูกฆ่าในโรงพยาบาลเหล่านั้นเอง” ขณะกองทัพอินราเอลถล่มโจมตีฉนวนกาซาไม่หยุด ภายหลังกลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม
“ผมรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่มีเด็กๆ จำนวนมากขึ้นอีก ซึ่งกำลังต้องหลบซ่อนตัวขณะที่พวกเราพูดกันอยู่นี้ ผู้ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องถูกเล่นงานและต้องถูกตัดแขนตัดขาในวันต่อๆ ไป” เขาบอก
เขากล่าวต่อไปว่า โรงพยาบาลนัสเซอร์ ในเมืองข่านยูนิส ที่เป็นโรงพยาบาลใหญ่ที่สุดซึ่งยังเปิดทำการในกาซา ถูกยิงถล่มถึง 2 ครั้งในรอบ 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
โรงพยาบาลแห่งนี้ “ไม่เพียงเป็นที่พักพิงของเด็กๆ จำนวนมากผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บอย่างเลวร้ายอยู่แล้วจากการที่บ้านเรือนของพวกเขาถูกโจมตี แต่ยังมีผู้หญิงและเด็กๆ หลายร้อยคนกำลังมองหาความปลอดภัย” เขาบอก
“ผมรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่คริสต์มาสน่าจะกำลังนำมาซึ่งความป่าเถื่อนเพิ่มมากขึ้นและการโจมตีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่โลกถูกดึงความสนใจด้วยความรักและไมตรีจิตของโลกเอง” เอลเดอร์ กล่าว เพร้อมกับแสดงความเศร้าเสียใจที่ความตายของเด็กๆ จำนวนเป็นพันๆ ในกาซา “กำลังกลายเป็นเพียงตัวเลขสถิติ” เท่านั้น
“ผมรู้สึกโกรธเกรี้ยวที่การเสแสร้างแบบมือถือสากปากถือศีล กำลังบดขยี้ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น” เขาพูดถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่เวลานี้ และเสริมว่า “ผมรู้สึกโกรธเกรี้ยวตัวผมเองที่ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้”
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)