ปรินเซสแคเธอรินและปรินซ์วิลเลียมทรงไม่ใส่พระทัยกับการถูกโจมตีด้วยข้อกล่าวหาเรื่อง “เหยียดผิว” และ “กระหายอำนาจ-ไร้น้ำใจต่อพระอนุชาแฮร์รี” ซึ่งก่อตัวเป็นพายุกระหน่ำออกมาจากหนังสือ “Endgame – เผด็จศึก” ของนักเขียนจอมอื้อฉาว โอมิด สโคบี ที่เชื่อกันว่ามีดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์อำนวยการอยู่เบื้องหลัง โดยปรินเซสเคทและปรินซ์วิลเลียมทรงปฏิบัติพระกรณียกิจตามหมายกำหนดการต่างๆ ด้วยรอยแย้มพระสรวลแจ่มใสแซมด้วยมุกเฮฮาน่ารักเป็นปกติ
และแล้ว สัจธรรมแห่งการ “ทำดี ได้ดี” พิสูจน์ตัวออกมาเป็น “มหกรรมแห่งกำลังใจ” ที่ท่านผู้ชมถวายแด่ปรินเซสเคทในชุดราตรีงามสง่า และปรินซ์วิลเลียมในทักซิโดกำมะหยี่ดำ ภายในงานสุดยอดวาไรตีโชว์แห่งปีเพื่อการกุศลประจำปี 2023 อันได้แก่ Royal Variety Performance เมื่อพฤหัสบดีที่แล้ว (30) ณ รอยัลอัลเบิร์ตฮอลล์ โรงคอนเสิร์ตสุดหรูขนาด 5,272 ที่นั่ง
เมื่อปรินเซสและปรินซ์แห่งเวลส์ทรงก้าวเข้าสู่พระที่นั่งชั่นบ็อกซ์สำหรับพระราชวงศ์ ภายในฮอลล์การแสดงอันมโหฬารตระการตา ทรงแจ่มใสไม่มีวี่แววว่าเรื่องไร้สาระจากหนังสือ Endgame จะแผ้วพานพระออร่าได้ หมู่มวลประชาชนนับพันพากันลุกยืน เปล่งเสียงร้องเชียร์อย่างครึกโครม และพร้อมใจกันปรบมือดังกึกก้อง เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้นในอารมณ์ปลาบปลื้มไปกับกระแสความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อความดีงามของทั้งสองพระองค์
พร้อมนี้ ในช่วงทักทายผู้เฝ้ารอรับเสด็จ ทั้งเจ้าหญิงเคทและเจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงสนทนาน่ารักและยิงมุกเจ๊าะแจ๊ะพอให้ผู้ฟังชื่นใจ ตามพระสไตล์ปกติ โดยในช็อตหนึ่งทรงสนทนาคุณทวดแดฟนี เซลฟ์ ซูเปอร์โมเดลวัย 95 กะรัต เจ้าหญิงเคททรงชื่นชมชุดราตรีของซูเปอร์โมเดลวัยเกือบหนึ่งศตวรรษว่างดงามถูกพระทัย โดยเฉพาะพู่สีแดงที่ชายแขนเสื้อ
คุณทวดผู้ยังเจิดจรัสเกินวัยกล่าวทักเรื่องพระวรกายว่า เจ้าหญิงเคททรงตัวสูงเหลือเกิน (175 ซม.)
ปรินเซสทรงตอบขำๆ พร้อมมุกน่ารัก
“ปกติก็สูงค่ะ แล้ววันนี้สวมรองเท้าส้นสูงด้วย ทำให้สูงกว่าปกติ แบบว่าขี้โกงนิดนึงอ่ะค่ะ”
ด้านปรินซ์วิลเลียมผู้ทรงมีพระวรกายตระหง่านถึง 191 เซนติเมตร ทรงแจมเข้าไปต่อยอดอีกมุกหนึ่ง
“ผมเปล่าสวมส้นสูงนะครับ” เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
ตลอดสี่สัปดาห์ของพฤศจิกายน เดือนแห่งพระราชเบิร์ธเดย์พระเจ้าชาร์ลส์ โอมิด สโคบี นำบรรดาข้อกล่าวหาคิงชาร์ลส์-เรื่องใส่ร้ายป้ายสีเก่าๆ จากหนังสืออัปยศของตน ไปโปรโมทบนพื้นที่สื่อมวลชนหลายค่าย แต่ท่านผู้ชมบ่นผิดหวัง เพราะแทบจะไม่มีข้อมูลใหม่ที่แตกต่างจากเรื่องเล่าของดัชเชสเมแกนและดยุกแฮร์รีที่เคยใช้เล่นงานสมาชิกพระราชวงศ์ตลอดตั้งแต่มีนาคม 2021 จดจนถึงซีรีส์สารคดีช่องเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Harry and Meghan และหนังสือ SPARE เมื่อมกราคม ศกนี้ ที่ทำให้เรตติงความป็อปปูลาร์ของทั้งสองในสายตาของคนอเมริกา ดำดิ่งสาหัสน่าอับอาย
แน่นอนว่า หนังสืออัปยศ Endgame: Inside the Royal Family and the Monachy’s Fight for Survival ต้องไม่พลาดที่เล่าซ้ำถึงข้อกล่าวหาเดิมๆ เรื่อง “เจ้าอังกฤษเหยียดผิว” ซึ่งดัชเชสเมแกนนำไปพูดออกอากาศ ในรายการสัมภาษณ์ โอปราห์ วินฟรีย์ โชว์ เมื่อมีนาคม 2021
กระนั้นก็ตาม ในหนังสือที่วางแผงเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2023 หนุ่มสโคบี คิ้วสักหนา เพิ่มเติมจำนวน “ผู้ต้องสงสัย” จากแต่เก่าก่อนเคยอยู่ที่จำนวน 1 พระองค์ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2 พระองค์
โดยเดลิเมลออนไลน์รายงานเรื่องสโคบีระบุไว้ในหนังสือ Endgame ว่ามีสมาชิกพระราชวงศ์ 2 พระองค์ มิใช่เพียงพระองค์เดียวดั่งที่ดัชเชสเมแกนเคยพูดไว้ ที่พูดคอมเมนต์เกี่ยวกับสีผิวของพระโอรสอาร์ชีซึ่งยังอยู่ในพระครรภ์ของดัชเชส และกลายเป็นข้อกล่าวหาอื้อฉาวไปทั่วว่าเป็นคำพูดเหยียดผิว
จากนั้น เรื่องที่ทำท่าจะเป็นประเด็นใหม่นี้ระเบิดระเบ้อกลายเป็นสถานการณ์โกลาหลตั้งแต่วันเปิดตัว 28 พฤศจิกายนกันเลยทีเดียว เมื่อผู้คนในเนเธอร์แลนด์พบว่าในหนังสือ Endgame ฉบับภาษาดัตช์ ผู้เขียนได้ระบุพระนามกษัตริย์ชาร์ลส์ และเจ้าหญิงเคท ในตอนที่เขียนโจมตีพระราชวงศ์ที่พูดด้วยความกังวลพระทัยว่าสีผิวของพระโอรสในครรภ์ของดัชเชสเมแกนจะดำแค่ไหน
ทว่า!! สาธารณชนไม่เห็นคล้อยตามไปด้วย ดังนี้ ในเมื่อหนุ่มสโคบี ชงข้อมูลมาทรงนี้ ย่อมบอกที่มาที่ไปของ “ประเด็นงอก” ในข้อกล่าวหาเก่าได้เลย กล่าวคือ ดัชเชสเมแกนซึ่งชาวโลกรู้สึกมาเนิ่นนานในเรื่องอิจฉาเจ้าหญิงเคท ได้ช่วยมิสเตอร์กระบอกเสียง นาม สโคบี สร้าง “พล็อตงอก” เข้าไปใน Endgame โดยเพิ่มไปว่าเจ้าหญิงเคททรงเป็นพระราชวงศ์พระองค์ที่ 2 ที่ออกปากคลางใจกับสีผิวของพระโอรสอาร์ชี
สาธารณชนไม่ว้าวุ่น แค่ตั้งตาคอยดูเอพพิโซดถัดไปของดรามา “ดัชเชสเมแกน x สโคบี”
ภาคส่วนที่ว้าวุ่นไปทั่วทุกองคาพยพ คือสำนักพิมพ์ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่สหรัฐฯ ถึงเนเธอร์แลนด์ ยันอังกฤษ เพราะผวาจะถูกฟ้องร้องในคดีหมิ่นประมาท ซึ่งมีโทษทั้งจำคุกและทั้งปรับเงิน นอกจากนั้นในส่วนของหนุ่มสโคบีที่แม้จะแก้ตัวไปพลางก่อน แต่อารมณ์หวาดหวั่นกับความเสี่ยงติดคุก-ถูกปรับเงินต้องมาแน่นอน
สำนักพิมพ์ผู้รับผิดชอบในสหรัฐฯ รีบขอร้องให้สำนักพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์ยุติการขายโดยทันที ด้านโอมิด สโคบี กระบอกเสียงของดัชเชสเมแกน โกหกออกสื่อว่าไม่เคยเขียนระบุพระนามไว้ในต้นฉบับ หนำซ้ำยังใช้วิธีโบ้ยความผิดไปยังทีมแปลชาวดัตช์ ขณะที่สำนักพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์เดือดร้อนสุดๆ ว่าจะเป็นแพะรับบาป ออกโรงชี้แจงว่าตัวเล่มต้นฉบับภาษาอังกฤษที่ได้รับมาแปลนั้น พิมพ์ชื่อกษัตริย์ชาร์ลส์อย่างหรา ก็ต้องแปลไปตามนั้น
บรรยากาศในแวดวงพระราชสำนักอังกฤษไม่มีอะไรว้าวุ่น ทุกพระองค์ปฏิบัติพระภารกิจไปตามปกติ เมื่อสื่อมวลชนติดต่อมายังพระราชวังบัคกิงแฮม ก็จะได้คำตอบแบบเดียวกันเสมอ คือ ไม่มีความเห็น
เมื่อมาถึงงานใหญ่สุดหรูปูพรมแดงที่ปรินซ์รัชทายาทและพระชายาเสด็จเป็นองค์ประธาน ปรินเซสเคททรงสดใสอิ่มบุญและเปี่ยมสุขในชุดราตรียาวโมนาโคบลูแบบฟ้าทีลหวานนุ่ม ส่งให้พระธำมรงค์หมั้นแซฟไฟร์สีน้ำเงินล้อมเพชรที่พระอนามิกานิ้วนาง โดดเด่นงดงามเป็นเลิศกว่าพระโมเมนต์ใดๆ ขณะที่ปรินซ์วิลเลียมทรงหล่อสง่าเซ็กซีในทักซิโดดำกำมะหยี่ ทั้งสองพระองค์สบพระเนตรแย้มพระสรวลสู่กันและกันบ่อยครั้ง แลเห็นประกายของความรักความภูมิใจที่เจิดจรัสออกมาดั่งว่าเพิ่งจะรักกันใหม่ๆ
ปรินซ์รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งราชบัลลังก์อังกฤษ และพระชายาผู้ผุดผ่องอารมณ์ดีอย่างเป็นธรรมชาติ ทรงมีพระราชอาคันตุกะสองพระองค์ที่เสด็จเป็น VVIP ในงาน Royal Variety Performance ด้วย คือ มกุฎราชกุมารีวิคทอเรียแห่งสวีเดน และพระสวามีปรินซ์แดเนียล ดยุกแห่งเวสเตร์เกิตลันด์ ผู้ทรงเสด็จเยือนสหราชอาณาจักรอย่างเป็นทางการระหว่าง 29 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2023
โดยเจ้าชายและเจ้าหญิงทั้งสี่พระองค์ทรงพบปะกันที่พระราชวังวินด์เซอร์ในช่วงเช้า มีการถ่ายภาพด้วยกันหลายชุดสุดประทับพระทัย อันเป็นวาระแห่งการปรากฏพระองค์ของเจ้าฟ้าชายวิลเลียมที่แจ่มใสกระฉับกระเฉง แบบที่เรียกได้ว่าข้อกล่าวหาเรื่องกระหายอำนาจและข้อกล่าวหาเรื่องทรงกลั่นแกล้งพระอนุชา (โดยการไม่รับสายปรินซ์แฮร์รีในวันสวรรคตแห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทำให้ปรินซ์ไม่สามารถเดินทางไปเข้าเฝ้าได้ทันก่อนการสวรรคต) นั้น ดำเนินอยู่ในอีกโลกหนึ่งที่กระทบมาไม่ถึงพระหทัย
อันที่จริง เมื่อคืนจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน เจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงเสด็จไปครึกครื้นเล็กๆ ที่โรงแรมซาวอย ในวโรกาสเสด็จพระราชทานถ้วยรางวัลเกียรติยศ พร้อมกองทุนสนับสนุนภารกิจรางวัลละ 20,000 ปอนด์ ราว 900,000 บาท แก่ 2 นักอนุรักษ์สัตว์ป่าและถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า กับ 1 เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ผู้ซึ่งมีผลงานโดดเด่นในประเทศต่างๆ ของทวีปแอฟริกา ซึ่งก็คืองานพระราชทานรางวัล Tusk Conservation Awards ครั้งที่ 11
โดยในงานดังกล่าว รอนนี วู้ด สมาชิกวงดนตรีโรลลิง สโตนส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนโครงการรางวัล TCA ตั้งแต่รุ่นก่อตั้ง เข้าร่วมงานด้วย และเจ้าฟ้าชายวิลเลียมกับคุณปู่สุดยอดร็อกเกอร์ รอนนี วู้ด เมาท์มอยกันเป็นที่ครึกครื้น ซึ่งไม่ใช่หัวข้อไร้สาระของหนังสือ Endgame แต่เป็นเรื่องคอนเสิร์ตทัวร์เพื่อโปรโมทอัลบั้มใหม่ของโรลลิง สโตนส์ คือ Hackney Diamonds ซึ่งเปิดตัวเมื่อตุลาคมที่ผ่านมา
นิตยสารแทตเลอร์เล่าว่า เดอะโรลลิงสโตนส์ เป็นอะไรที่อมตะ สามารถสร้างดนตรีร็อกให้ร้อนแรงโดนใจนักฟังเพลงทั้งที่นักดนตรีมีอายุรุ่นคุณปู่ คือ 70ซัมธิง ย่าง 80 กะรัต โดยในปีหน้าจะเดินสายในสหรัฐฯ และแคนาดา และเรื่องนี้อยู่ในความสนพระทัยของปรินซ์วิลเลียมอย่างสุดๆ
รอนนี วู้ด วัย 76 กะรัตวิบวับ กีตาร์ฮีโรระดับตำนาน เล่าถึงบทสนทนาเมาท์มอยแสนครึกครื้นกับพระมหากษัตริย์ในอนาคตว่า “คุยกันเรื่องทัวร์โปรโมทอัลบัมน่ะครับ แล้วผมบอกว่า ไปด้วยกันเหอะปรินซ์ พระองค์ต้องลองออกทัวร์ดนตรีดู คุยไปคุยมาปรินซ์เคลิ้มตามครับ บอกว่าพระองค์จะไปด้วยถ้าพวกผมเอาเทย์เลอร์ สวิฟต์ ไปร่วมแสดง” แทตเลอร์เล่าอย่างนั้น
“โห เข้าทางผมเลย ผมบอกพระองค์ว่าเทย์เลอร์น่ะเคยร้องเพลงกับนักร้องนำของวง เซอร์มิค แจ็กเกอร์ มาแล้ว เท่านั้นเอง ปรินซ์คอนเฟิร์มทันที งั้นผมไปด้วยครับ” นิตยสารแทตเลอร์รายงาน
เจ้าหญิงเคท x พระธำมรงค์หมั้นแซฟไฟร์ x มนตราแห่งพิจิก คือ “ผนังทองแดง-กำแพงเหล็ก” สกัดกั้นคลื่นคุกคาม
แผนร้ายโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษที่ โอมิด สโคบี นำมาแผลงฤทธิ์ปั่นป่วนกดดันกษัตริย์ชาร์ลส์ เป็นสิ่งที่มีพลังทำลายล้างแผ่วอย่างยิ่ง เพราะพสกนิกรทราบความจริงเบื้องหลังทุกข้อกล่าวหามาเนิ่นนานแล้ว ดังนั้น การใส่ร้ายป้ายสีไม่สามารถทำให้เกิดความเกลียดชังสถาบันกษัตริย์ ซึ่งมีเรตติงดีงามในด้านความป็อปปูลาร์
ยิ่งมาแผลงฤทธิ์ในเดือนพฤศจิกายน เดือนแห่งจักรราศีพิจิกจอมมนตราด้วยแล้ว อย่าได้หวังจะฝ่าสนามแม่เหล็กความรักมั่นคงระหว่างปรินเซสเคทกับปรินซ์วิลเลียม เข้าไปสร้างความทุกข์ขมตรมใจแก่พระคู่รักแห่งชาติเลย
แหวนแซฟไฟร์น้ำงามสีน้ำเงินอันเป็นพระธำมรงค์หมั้นบนพระอนามิกานิ้วนางของ แคเธอริน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ คือโซ่ทองคล้องพระหฤทัยแห่งปรินซ์วิลเลียมมาตลอด 13 ปี ที่ทรงร่วมกันสร้างสายสัมพันธ์สร้างสรรค์ และครอบครัวแสนสุข
โดยวันที่ 16 พฤศจิกายน 2010 ซึ่งเคลื่อนตัวมาครบรอบ 13 ปีเมื่อพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน 2023 เป็นวันอันแสนจะสำคัญยิ่งยวด ชัยชนะแห่งรักแท้ได้ขับเคลื่อนให้ปรินซ์ผู้สุดยอดเซ็กซี่ในสามโลก (ตำแหน่งปี 2010) ทรงภาคภูมิใจกับการประกาศให้พสกนิกรทราบว่าพระองค์ทรงแน่วแน่ในรักแท้แด่ “เคทสุดสวย” รัตนสตรีแสนดีจากตระกูลสามัญชนแสนอบอุ่น
ในวันอันชื่นมื่นนี้ พระเอกและนางเอกของเทพนิยายแห่งชีวิตจริง ทรงนำพระธำมรงค์หมั้นออกมาอวดให้สื่อมวลชนได้ถ่ายรูปไปฝากประชาชน นักข่าวและช่างภาพที่แลเห็นต่างจดจำได้ว่าเป็นพระธำมรงค์พลอยแซฟไฟร์สีน้ำเงินล้อมเพชรอันโด่งดัง ซึ่งเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (พระอิสริยยศเดิมของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3) พระราชทานแด่เลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ เมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 1981
ไม่มีแหวนหมั้นวงใดในหล้าโลก จะมีชื่อเสียงโด่งดังไปกว่าพระธำมรงค์หมั้นองค์นี้ที่ปรินซ์วิลเลียมทรงเลือกใช้ในการขอให้ แคเธอริน มิดเดิลตัน ตอบตกลงเสกสมรสกับพระองค์ สื่อนิตยสารโวค ยูเค เล่าอย่างนั้น ส่วนนิตยสาร แอล ยูเค ระบุว่าพระธำมรงค์หมั้นองค์นี้ มีเรื่องเยอะ
โดยเป็นเรื่องเป็นราวกันตั้งแต่ที่พระธำมรงค์หมั้นทำการเดบิวต์ เปิดตัวบนนิ้วนางของเลดี้ไดอานา สเปนเซอร์ แบบว่าปรากฏสู่สายตาของสาธารณชนปุ๊บ ก็เป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาปั๊บ ว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ปรินซ์แห่งเวลส์ ทรงพระดำริอะไรกันแน่ จึงทรงแหวกจารีตประเพณีอันสง่างามและเปี่ยมคุณค่าสะขนาดนี้
แต่ครั้นถึงเวลาที่ปรินซ์ทรงสรรหาพระธำมรงค์หมั้นให้แก่พระคู่รักคู่บุญของพระองค์ ผู้มีนามว่า คามิลลา ปาร์กเกอร์-โบลส์ ทรงเลือกพระธำมรงค์ของ ควีนมัม-สมเด็จยาย อันเป็นมรดกสืบทอดภายในพระราชตระกูล ไปพระราชทานให้แด่คุณคามิลลาอย่างเรียบร้อยในปี 2005 โดยเป็นตามแนวปฏิบัติแห่งพระราชประเพณีทุกประการ
เกร็ดแซ่บแห่งพระธำมรงค์หมั้นแซฟไฟร์ เปิดตัวบนนิ้วเลดี้ไดอานาปุ๊บ ก็ถูกเมาท์กระจุยว่า แหวกพระราชประเพณีสุดๆ
ในวันที่ 6 ก.พ. 1981 อันเป็นวันที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเชิญเลดี้ไดอานามาพบที่พระราชวังวินด์เซอร์ พระองค์ทรงขอแต่งงาน ซึ่งพระองค์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าทรงมีความสุขและประหลาดใจที่เห็นว่าเลดี้ไดอานามีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะตอบรับคำขอ นั้น ปรินซ์ชาร์ลส์ทรงให้บริษัทช่างหลวงที่ถวายรับใช้พระราชสำนัก คือ ห้างเพชรแกร์ราร์ด นำแหวนพลอยแซฟไฟร์สีน้ำเงินล้อมเพชรแบบต่างๆ จัดแสดงบนถาด เพื่อให้เลดี้ไดอานาเลือกเป็นพระธำมรงค์หมั้น ณ ปราสาทวินด์เซอร์
โวคแห่งยูเคเล่าอย่างละเอียดดังนี้
“ว่าที่เจ้าสาววัย 19 กะรัต เลือกแหวนวงที่ใหญ่ที่สุด อันได้แก่ แซฟไฟร์สีน้ำเงินจากศรีลังกาขนาด 12 กะรัต ล้อมด้วยเพชร 18 เม็ด บนเรือนทองคำ 18 กะรัต สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 28,500 - 47,000 ปอนด์" (ราคาเมื่อศักราช 1981 และเมื่อปรับตัวเลขตามความเปลี่ยนแปลงของค่าเงินปอนด์ ราคาของแหวนวงนี้คือมากกว่า 100,000 ปอนด์)
“ในหลายวันต่อมา เมื่อเลดี้ไดอานา ปรากฏเคียงข้างปรินซ์ชาร์ลส์เพื่อประกาศข่าวการหมั้นหมาย เธอสวมสูทแบรนด์หรู ‘โคจานา’ ที่ช็อปมาจากห้างแฮร์รอดส์ สีน้ำเงินของชุดสูทช่วยขับให้พระธำมรงค์หมั้นแซฟไฟร์ยิ่งทวีงดงามและโดดเด่นมากขึ้น”
ด้านนิตยสารแอล ยูเค เล่าว่าพระธำมรงค์หมั้นองค์นี้ มิใช่ตัวเลือกที่คู่ควรกับสมาชิกพระราชวงศ์ ผู้ซึ่งจะได้เป็นพระราชินีมเหสีในกาลข้างหน้า เพราะประชาชนรายใดที่พร้อมจะจ่ายเงินสามสี่หมื่นปอนด์สำหรับแหวนแสนสวยแสนงดงามนี้ ต่างก็สามารถไปถอยออกมาจากห้างเพชรแกร์ราร์จ นำมาสวมเป็นคู่แฝดกับว่าที่ควีนได้โดยทั่วหน้า
ยิ่งกว่านั้น จารีตประเพณีด้านการจัดทำพระธำมรงค์หมั้นมีอยู่ว่า จะเป็นพระธำมะรงค์ที่สั่งช่างหลวงให้รังสรรค์ขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะ โดยใช้เพชรพลอยโบราณอันเป็นมรดกสืบทอดในพระราชตระกูล โวคยูเค รายงานอย่างนั้น
ตัวอย่างเด่นๆ ที่ โวคยูเค ยกขึ้นมาคือ พระธำมรงค์หมั้นที่เจ้าชายฟิลิปแห่งกรีซและเดนมาร์ก ทรงจัดทำถวายเจ้าหญิงเอลิซาเบธ (พระอิสริยยศก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์) ทรงใช้เพชรจากมงกุฎที่เคยเป็นของเจ้าหญิงอลิซแห่งแบ็ตเทนเบิร์ก พระมารดาของพระองค์
พร้อมนี้ โวคยูเคเล่าเกร็ดเพิ่มเติมว่า ไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ (พระอิสริยยศที่เจ้าหญิงเคททรงครองอยู่ในปัจจุบัน) ทรงกล่าวยอมรับในภายหลังว่า เมื่อเลือกพระธำมรงค์หมั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทรงว้าวุ่นเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ละเลยที่จะนำมาสวมอยู่บ่อยๆ
ทั้งนี้ ในหนังสือเรื่อง The Diana Chronicles ทีนา บราวน์ เล่าถึงเกร็ดประวัติที่เคาน์เตสเมาต์แบ็ตเทน พระญาติผู้ใหญ่สายเจ้าชายฟิลิป (พระบิดาของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์) และเป็นหนึ่งในคุณแม่ทูนหัว ผู้ซึ่งปรินซ์ชาร์ลส์ทรงรักและไว้ใจอย่างที่สุด ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อครั้งที่ปรินซ์ชาร์ลส์พาเลดี้ไดอานา ไปแนะนำตัวที่พระตำหนักบรอดแลนด์ส เคาน์เตสผู้มีศักดิ์เป็นพระปิตุจฉา (คุณอาหญิง) ของปรินซ์ชาร์ลส์ ถามหาพระธำมรงค์หมั้น เลดี้ไดอานาบอกตรงๆ ว่าไม่ได้สวมติดนิ้ว เพราะถอดเก็บไว้ในกระเป๋าถือซึ่งวางทิ้งไว้ตรงห้องนั่งเล่น คุณอาหญิงหันบอกปรินซ์ว่า “ไปค่ะชาร์ลส์ ไปเอามาให้คุณอาดูหน่อย” แล้วปรินซ์ก็ทรงปฏิบัติตาม
เจ้าชายวิลเลียม ปรินซ์หล่อเลือกได้ ทรงว้าวุ่นหนัก ลังเลที่จะสละโสด กว่าจะกระจ่างพระทัย และคุกพระชงฆ์ขอสาวเคทสุดสวยแต่งงาน
เลิฟสตอรี่ว้าวุ่นแห่งเจ้าฟ้าชายวิลเลียมกับเจ้าหญิงเคทแห่งเวลส์ เป็นดรามานิยายรักที่ซับซ้อนย้อนแย้งอยู่ในระหว่างความรักทั้งหมดทั้งมวลของดวงใจ กับความรับผิดชอบต่อพระภารกิจแห่งพระมหากษัตริย์ในอนาคต ซึ่งการเสกสมรสในอุดมคตินั้น พระองค์ควรจะสรรหาสตรีสูงศักดิ์จากสายราชตระกูลที่เหมาะสม เพื่อปฏิบัติภารกิจพระราชินีมเหสีอย่างยั่งยืน
แต่บุญเก่านำพาให้ได้พบเจอและตกหลุมรักใน แคเธอริน มิดเดิลตัน สตรีสามัญชนผู้งดงามทั้งกายและใจ กระนั้นก็ตาม เธอมิใช่สมาชิกแห่งพระราชวงศ์ เธอมาจากครอบครัวชนชั้นกลางฐานะดี โดยที่คุณแม่เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินบริติชแอร์เวย์ส และคุณพ่อก็เป็นพนักงานของสายการบินบริติชแอร์เวย์ส เช่นกัน และในเวลาต่อมา สามารถสร้างธุรกิจออนไลน์ขายของใช้น่ารักสำหรับปาร์ตีงานฉลองทั้งปวง อันได้แก่ บริษัทปาร์ตีพีซเซิส ซึ่งประสบความสำเร็จด้านรายได้เป็นอย่างสูง
สี่ปีในมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูวส์ สกอตแลนด์ (2001-2005) สาวเคท มิดเดิลตัน กับปรินซ์วิลเลียมคบหากันอย่างเปี่ยมสุข นิตยสารฮาร์เปอร์สบาซาร์ให้ข้อมูลว่าในชั้นปีที่ 1 ทั้งสองศึกษาประวัติศาสตร์ศิลป์และเป็นสหายในกลุ่มเดียวกัน
หลังจากหนึ่งสัปดาห์ที่สาวเคทและเพื่อนสาวแสนสนิทเข้าพักอาศัยในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีนามอันไพเราะว่า เซนต์ ซัลวาเตอร์ส ฮอลล์ (และมีชื่อเล่นที่นักศึกษาเรียกขานกันว่า หอแซลลีส์) อาจารย์คุมหอได้เรียกประชุมชาวหอ เพื่อแจ้งทราบว่าปรินซ์วิลเลียมจะเสด็จเข้าพักอาศัยในหอแซลลีส์ เว็บ princeswilliamandharry.blogspot เล่าไว้อย่างนั้น และเล่าเพิ่มเติมดังนี้
พอเริ่มชั้นปีที่ 2 กลุ่มพระสหายซึ่งมีสมาชิกสองรายสำคัญคือ เฟอร์กัส บอยด์ พระสหายสนิทที่แชร์ห้องกับปรินซ์วิลเลียม และสาวโอลิเวีย บลีส์เดล เพื่อนรักที่แชร์ห้องกับสาวเคท พากันออกไปเช่าทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น 4 ห้องนอน นอกมหาวิทยาลัย โดยลงขันกันรายละ 100 ปอนด์ต่อสัปดาห์ พร้อมนี้ มีการแบ่งหน้าที่ทำความสะอาด เฉกเช่นไลฟ์สไตล์ของนักศึกษาทั่วไปที่เช่าบ้านแชร์กัน
แต่ส่วนที่แตกต่างอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับนักศึกษาทั่วไป คือ มาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงบรรดาหน้าต่างทุกบานต้องเป็นแบบกันกระสุน และประตูหน้าต้องแข็งแกร่งทนทานต่อระเบิดหากมีผู้ก่อการร้ายคิดจะบุกเข้าจับรัชทายาทลำดับที่ 2 ไปเป็นตัวประกัน
ส่วนฮาร์เปอร์สบาซาร์รายงานว่าภายในชีวิตทาวน์เฮาส์นี้ ปรินซ์สุดหล่อกับสาวเคทแสนสวยยังรักษาความสัมพันธ์ไว้ในระดับเพื่อนนักศึกษาต่อไป แต่เป็นเยี่ยงนี้ไม่นาน ก็ได้ยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นคู่รัก หลังจากที่เคทรับเดินแฟชั่นงานกุศลของมหาวิทยาลัยในชุดกระโปรงเกาะอกยาวปิดเข่า ซึ่งเป็นผ้าโปร่งทั้งตัว อวดให้เห็นชุดชั้นในชิ้นบนชิ้นล่างที่น่ารัก ในเวลานั้นปรินซ์ทรงตรัสกับพระสหายเฟอร์กัสว่า “เคทเซ็กซี่จัง”
ชีวิตในทาวน์เฮาส์สองชั้นที่สนุกสนานครึกครื้นกับพระสหายสนิททั้งสาม ผลัดเวรกันทำงานบ้าน เช่น เอาขยะไปทิ้ง ผลัดเวรกันโทรศัพท์สั่งพิซซ่า ผลัดเวรกันจัดโปรแกรมหนังดีวีดีดูด้วยกันยามค่ำคืน ฯลฯ นับเป็นอะไรที่ห่างไกลหลายล้านกิโลเมตรจากชีวิตในรั้วในวัง กระนั้นก็ตาม ปรินซ์ทรงโปรดปรานความธรรมดาของชีวิตบ้านๆ อย่างยิ่ง เว็บ princeswilliamandharry.blogspot รายงานอย่างนั้น
ในความเป็นพระคู่รักและพระสหายสนิท ปรินซ์วิลเลียมทรงแฮปปีที่จะทำอาหารให้สาวเคททานบ่อยมาก ทรงประทานสัมภาษณ์ในห้วงที่ประกาศข่าวหมั้นหมายว่า “เมื่อผมพยายามจะเอาใจเคท ผมเข้าครัวไปทำดินเนอร์หรูหราตำรับต่างๆ แต่มักจะกลายเป็นว่าอาหารไหม้บ้าง อาหารเดือดล้นหม้อบ้าง หรือเกิดไฟลุกโกลาหลขึ้นมา”
เรื่องราวความรักสดชื่นกลายเป็นข่าวครึกโครมในปี 2004 เมื่อพระคู่รักสุดหวานไปเล่นสกีที่สวิตเซอร์แลนด์และถูกเดอะซัน สื่อแท็บลอยด์จอมขยี้ข่าว แอบถ่ายภาพ ขณะปรินซ์วิลเลียมทรงประทานพระจุมพิตแก่สาวเคท ความสัมพันธ์ระหว่างปรินซ์วิลเลียมกับ เคท มิดเดิลตัน จึงกลายเป็นรับทราบของสาธารณชน
เดลิเมล์ออนไลน์รายงานว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ผู้เป็นพระบิดา ทรงเคืองเดอะซันเป็นที่ยิ่ง เพราะตลอดที่ผ่านมา สำนักพระราชวังกับสถาบันสื่อมวลชนมีข้อตกลงอยู่ว่า สื่อจะไม่เข้าไปสอดรู้สอดเห็นกับพระไลฟ์สไตล์ของเจ้าชายและเจ้าหญิงผู้ยังทรงอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน
การแอบถ่ายภาพและรายงานข่าวพระคู่รักจึงเป็นเรื่องละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงถึงกับขู่จะตัดสัมพันธ์กับเดอะซัน ว่าจะไม่เชิญให้เข้าไปทำข่าวในพระราชสำนักกันเลยทีเดียว
ในปี 2005 ทั้งสองจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และยังคงคบหาหวานชื่นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเคทจะต้องอดทนกับกองทัพช่างภาพหยาบคายที่ดักถ่ายรูปวันละสองเวลา คือ เวลาที่ออกจากบ้านอพาร์ตเมนต์ในเมืองเพื่อไปทำงาน กับเวลาที่เลิกงานและเดินทางกลับเข้าบ้านอพาร์ตเมนต์ ในที่สุดเคทยุติชีวิตพนักงานบริษัทจิ๊กซอว์ และทุ่มเททำงานให้แก่บริษัทปาร์ตีพีซเซิสของครอบครัว คือปักหลักอยู่ในบ้าน
แน่นอนว่า ปรินซ์วิลเลียมทรงเป็นพระอาคันตุกะขาประจำของบ้านมิดเดิลตัน โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระองค์ทรงขับเฮลิคอปเตอร์ชีนุกมูลค่าหลายล้านปอนด์ ซึ่งเป็นพาหนะที่ทรงใช้ค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ไปลงจอดที่ลานหลังบ้านมิดเดิลตัน เพื่อแวะธุระเล็กน้อย ก่อนจะออกไปปฏิบัติพระภารกิจ
อย่างไรก็ตาม ปมขัดแย้งในพระหทัย ระหว่างความรักและผูกพันที่ทรงมีให้แก่เคท กับความรับผิดชอบต่อพระภารกิจว่าที่พระมหากษัตริย์ ที่ควรจะมีพระชายาเป็นสตรีสูงศักดิ์อย่างน้อยก็ระดับเลดี้จากบางราชสกุล ได้รุกเร้าสมองและหัวใจของปรินซ์ผู้ทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 รองจากพระบิดาชาร์ลส์ซึ่งเป็นองค์รัชทายาทลำดับแรก
ในที่สุด ปรินซ์วิลเลียมทรงมาถึงจุดแห่งการตัดสินพระทัย ยุติความสัมพันธ์และตัดขาดจาก เคท มิดเดิลตัน ในปี 2007 โดยดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ฮาร์เปอร์สบาร์ซาร์เล่าไว้
นั่นเป็นหลายเดือนที่ปรินซ์ทรงถามพระหทัยให้ชัดเจนว่า ทรงผูกพันกับสาวเคทสุดที่รักมากมายเพียงใด
การณ์ปรากฏว่าปรินซ์รัชทายาทลำดับที่ 2 ทรงฝืนพระองค์ ดำรงอยู่ในความทุกข์ขมตรอมตรมพระทัยที่ต้องสูญเสียขวัญยี่หวา อย่างรุนแรงและเรื้อรังกระทั่งว่าพระบิดาและพระอัยยิกาเจ้าทรงยอมใจ
ดังนั้น ภายในสองสามเดือนที่ยุติความสัมพันธ์ ปรินซ์สุดหล่อและพระคู่รักสุดสวย ผู้ซึ่งวางตัวได้อย่างเหมาะสมและดูงามสม่ำเสมอ ก็กลับมาคืนดีกันในเดือนมิถุนายนปีเดียวกันนั้นเลย และรักกันยิ่งกว่าเดิม เป็นที่ปลาบปลื้มของท่านผู้ชมและกองเชียร์ทั่วประเทศ
พระอาการว้าวุ่นระอุอีกคราในปี 2010 ซึ่งปรินซ์ทรงเจริญพระชนมายุครบ 28 พรรษา และเป็นศักราชแห่งการครบรอบความสัมพันธ์กับพระคู่รักรวมหนึ่งทศวรรษบริบูรณ์ กาลเวลาได้มาถึงวาระที่เหมาะสมเหลือเกินแล้วแก่การเสกสมรสและสร้างครอบครัวน่ารักให้เสด็จพระบิดา เสด็จพระอัยกา และสมเด็จพระอัยยิกาเจ้าได้ชื่นพระราชหฤทัย
ในไตรมาสสุดท้ายของปี ปรินซ์วิลเลียมทรงลงพระทัยแล้วว่าจะขอพระคู่รักแต่งงาน และในเดือนตุลาคม ทรงพาเคทไปพักผ่อนนานสามสัปดาห์ในประเทศเคนยา กระนั้นก็ตาม ปรินซ์ชาวราศีเมถุนทรงมิอาจจะหมดความว้าวุ่นลังเลได้เบ็ดเสร็จ
ดิเอ็กซ์เพรซเล่าว่าเจ้าชายวิลเลียมทรงพกแหวนแซฟไฟร์แสนงามและแสนแพง อันเป็นมรดกของราชตระกูลติดไว้ในพระเป้ และหิ้วไปหิ้วมาวันแล้ววันเล่าในพระอาการว้าวุ่นที่จะขอเคทแต่งงาน และแล้ว.. ในที่สุด.. พระหทัยแห่งปรินซ์ได้มาถึงพระโมเมนต์ที่ทรงปักใจอย่างแจ่มชัดว่ารักเคทแน่นอน ซึ่งดำเนินกันแบบแฮปปีเอนดิงในวันที่ 30 ตุลาคม 2010
สาวเคท มิดเดิลตัน ให้สัมภาษณ์ว่าพระโมเมนต์ที่ปรินซ์วิลเลียมทรงคุกพระชงฆ์ลงขอเธอแต่งงานนั้น “เป็นไปอย่างโรแมนติกเหลือเกิน” แม้ว่า กว่าที่พระโมเมนต์สำคัญนี้จะมาถึง เธอและปรินซ์ยอดรักนั่งลงคุยถึงแนวคิดของการเสกสมรสอย่างมหาศาล จนกระทั่งดำเนินมาถึงนาทีที่ปรินซ์ทรงคลี่คลายพระทัย นิ้วสวยๆ ของเคทจึงได้สวมพระธำมรงค์หมั้นอันลือเลื่องกระเดื่องนาม ก่อนที่ศักราช 2010 จะเคลื่อนผ่านไป
หลังประกาศข่าวการหมายหมั้นความสัมพันธ์ให้พสกนิกรได้ทราบกันอย่างทั่วถึงเป็นที่เรียบร้อย พระราชพิธีเสกสมรสระหว่างปรินซ์วิลเลียมกับนางสาวแคเธอริน มิดเดิลตัน ได้มีขึ้นเมื่อ 29 เมษายน 2011 พร้อมกันนี้ แคเธอริน มิดเดิลตัน สตรีสามัญชนผู้โดดเด่นในวุฒิภาวะและรู้บทบาทหน้าที่ และงดงามเพียบพร้อมทั้งกายและใจ ได้ก้าวขึ้นสู่ความเป็นศรีสะใภ้หลวง และได้รับพระฐานันดรศักดิ์พระองค์เจ้า Her Royal Highness ตลอดจนพระอิสริยยศ ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์
นอกจากนั้น ต่อมาในปี 2022 เมื่อเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ปรินซ์วิลเลียมก็ทรงได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์ พระอิสริยยศสำหรับองค์รัชทายาทลำดับที่ 1 พร้อมกันนั้น ดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ก็ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์
โวคยูเครายงานว่า ในโอกาสครบรอบการเสกสมรสครบหนึ่งรอบนักษัตรเมื่อ 29 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหญิงเคทแห่งเวลส์ ทรงออกทักทายประชาชนที่เมืองเมอร์เธอร์ ทิดวิล ประเทศเวลส์ และทรงเผยความในพระทัยเกี่ยวกับพระธำมรงค์หมั้นที่สวมติดพระอนามิกา เป็นครั้งแรกว่าขนาดของตัวเรือนเป็นขนาดเดียวกับพระอนามิกา โดยช่างเพชรได้ช่วยทำการติดเม็ดแพลตินัมเล็กๆ ไว้ด้านในของตัวเรือน พระธำมรงค์หมั้นก็ติดนิ้วนางได้อย่างเหมาะเจาะ
“แหวนนี้มีขนาดตรงกับนิ้วเลยค่ะ นี่เป็นแหวนที่พิเศษมากๆ นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สวมแหวนวงนี้ค่ะ” เจ้าหญิงเคททรงกล่าว
ปรินซ์แฮร์รีทรงบอก “เป็นข่าวขยะที่ว่าทรงสละแหวนหมั้นของพระมารดาไปให้พระเชษฐาใช้ขอ ‘เคท’ แต่งงาน” พสกนิกรก็ว้าวุ่นสิ จะเชื่อใครดี
เป็นอะไรที่ว้าวุ่นกันทีเดียวสำหรับพสกนิกรแฟนคลับทั้งของปรินซ์แฮร์รีและปรินซ์วิลเลียม ในวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2023 ซึ่งมีข่าวเปรี้ยงปร้างว่าในอัตชีวประวัติ SPARE ของปรินซ์แฮร์รี ที่หลุดออกมาวางแผงของร้านหนังสือในประเทศสเปน ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงหักล้างข่าวลือโลกสวยอันเก่าแก่ที่ว่า พระธำมรงค์หมั้นแซฟไฟร์สีน้ำเงินของเจ้าหญิงไดอานากลายมาเป็นพระธำมรงค์หมั้นของดัชเชสเคทแห่งเคมบริดจ์ ก็ด้วยความเสียสละของปรินซ์แฮร์รี
การหักล้างอย่างโหดๆ เหมือนไปโกรธมาปุดๆ มีเนื้อหาอยู่ในหนังสือ SPARE ว่า ข้อมูลโลกสวยว่าด้วยความรักแน่นแฟ้นระหว่างพระองค์กับปรินซ์ออฟเวลส์ผู้เป็นพระเชษฐา ตลอดจนข้อมูลความผูกพันระหว่างพระองค์ พระเชษฐาวิลลี และปรินเซสเคท เป็นข้อมูลขยะอย่างสมบูรณ์แบบ เดลิเมล์ออนไลน์เล่าไว้เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2023
ทั้งนี้ ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผู้คนฝังใจกับคำบอกเล่าของ พอล เบอร์เรลล์ หัวหน้าคณะข้าราชบริพารที่ถวายการดูแลเจ้าหญิงไดอานาเนิ่นนานหนึ่งทศวรรษ โดยพอล เบอร์เรลล์ให้สัมภาษณ์ไว้กับเดอะมิร์เรอร์ว่า ตนอยู่ในเหตุการณ์ที่เจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงทำการเลือกเครื่องประดับเพชรพลอยของพระมารดา เพื่อเก็บไว้เป็นเครื่องระลึกถึง
“เมื่อเจ้าชายทั้งสองเสด็จถึงพระราชวังเคนซิงตัน ผมกราบทูลว่าพระองค์จะต้องเลือกสิ่งของของพระมารดา เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงวันเวลาที่ทรงประทับในพระราชวังเคนซิงตัน ตลอดจนวันเวลาที่เคยมีอยู่กับพระมารดา”
อดีตหัวหน้าคณะข้าราชบริพารที่ถวายการดูแลเจ้าหญิงไดอานากล่าวในคำให้สัมภาษณ์อย่างนั้น และบอกว่าเจ้าชายวิลเลียมทรงเลือกนาฬิกาคาร์ทิเอร์ (คาร์ทิเอร์ ตองค์ หลุยเซ) ซึ่งเป็นของขวัญวันเกิด 21 พรรษาที่เจ้าหญิงไดอานาทรงได้รับจากพระบิดา เอิร์ลสเปนเซอร์ที่ 8
ในเวลาเดียวกัน เจ้าชายแฮร์รีทรงเลือกพระธำมรงค์แซฟไฟร์ทรงรูปไข่ขนาด 12 กะรัต พอล เบอร์เรลล์กล่าวไว้ในสัมภาษณ์
หลังจากนั้น เรื่องราวเล่าขานแบบโลกสวยต่อพระธำมรงค์องค์สำคัญ ได้เป็นข่าวขึ้นมาอีกหนึ่งรอบ เมื่อซีรีส์สารคดีชุด The Diana Story ออกฉายในปี 2017 เว็บไซต์แมกาซีน Bustle ขาใหญ่วงการข่าวบันเทิงในสหรัฐอเมริกา รายงานอย่างนั้นในช่วงไม่กี่วันหลังจากที่ SPARE วางแผงในตลาดอเมริกา
Bustle ยกถ้อยคำของ พอล เบอร์เรลล์ ในซีรีส์นี้ มาบอกว่าปรินซ์แฮร์รีทรงปรารถนาให้ เคท มิดเดิลตัน ได้รับพระธำมรงค์หมั้นอันเป็นเครื่องเพชรมรดกจากพระมารดาไดอานา
“มันจะเหมาะสมอย่างยิ่งมิใช่หรือ หากเคทได้รับแหวนของมัมมี้ แล้วในวันหนึ่งข้างหน้า แหวนนี้จะไปประดิษฐานบนพระราชบัลลังก์แห่งอังกฤษ” พอล เบอร์เรลล์ พูดถึงปรินซ์แฮร์รีว่าทรงตรัสไว้อย่างนี้
นอกจากนั้น Bustle รายงานด้วยว่าอดีตหัวหน้าคณะข้าราชบริพารได้ระลึกความหลังเพิ่มเติมคือ
“ปรินซ์แฮร์รีทรงสละสมบัติที่แสนจะเปี่ยมล้นคุณค่าของพระองค์ สมบัติส่วนพระองค์ที่ปรินซ์ทรงได้รับจากพระมารดาและถนอมรักษาไว้นี้ ทรงประทานแด่พระเชษฐา นั่นคือไม่เห็นแก่ตัว ใจดี และเป็นแบบเดียวกับพระมารดาไดอานา”
แล้ว Bustle ก็ตัดไปรายงานบันทึกความทรงจำของดยุกแห่งซัสเซกซ์วัย 38 พรรษาในหนังสือ SPARE ว่าพระเชษฐาวิลเลียมทรงครอบครองพระธำมรงค์แซฟไฟร์แสนรักของพระมารดาไดอานาไว้นานหลายปีก่อนที่จะทรงขอเสกสมรสกับ เคท มิดเดิลตัน เมื่อ 30 ตุลาคม 2010
ทั้งนี้ ดยุกแฮร์รีทรงคว่ำตำนานแสนดีแห่งความแน่นแฟ้นระหว่างพี่น้องลงอย่างโหดๆ โดยทรงปฏิเสธบทสนทนาที่พอล เบอร์เรลล์เล่าไว้ และทรงบอกว่าสิ่งที่สื่อมวลชนตีพิมพ์ล้วนเป็นเรื่องราวเพ้อพก ทั้งเรื่องที่ว่าพระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความเหมาะสมงดงามระหว่างพระเชษฐากับพระคู่รัก และทั้งเรื่องที่ว่าพระองค์ทรงชื่นชมความรักอันลึกซึ้ง จึงทรงตัดสินพระทัยมอบพระธำมรงค์ให้แก่พระเชษฐา
“ผมไม่เคยมอบแหวนนั้นให้แก่พี่วิลลี เพราะมันไม่ใช่ของผมที่จะนำไปมอบต่อแก่ใคร พี่มีแหวนนี้อยู่กับตัวมานานแล้ว พี่ขอแหวนวงนี้ไปตั้งแต่ที่มัมมี้จากไป และผมก็แฮปปีอย่างยิ่งที่ได้ปล่อยแหวงนี้ออกไป” ดยุกแห่งซัสเซกซ์เขียนไว้ใน SPARE
พร้อมกับระบุอย่างชัดเจนว่า โมเมนต์อันเปี่ยมด้วยรักในระหว่างพี่น้อง และโมเมน์ความผูกพันระหว่างตัวพระองค์ พระเชษฐาวิลเลียม และเคท มิเดิลตัน นั้น เป็นเรื่องขยะอย่างสมบูรณ์แบบ:
“โมเมนต์แห่งความรักในระหว่างพี่น้อง โมเมนต์ความผูกพันระหว่างเราสามคน ตลอดจนข้อมูลขยะสมบูรณ์แบบทั้งหลาย: ไม่เคยมีโมเมนต์เหล่านี้เกิดขึ้น ผมไม่เคยมอบแหวนนั้นแก่พี่วิลลี เพราะมันไม่ใช่ของผม พี่ได้แหวนนี้ไปเรียบร้อยแล้ว พี่ขอแหวนวงนี้ไปตั้งแต่ที่มัมมี้ตาย และผมก็แฮปปียิ่งกว่าแฮปปีที่ได้ปล่อยแหวนวงนี้ออกไป” ปรินซ์แฮร์รีทรงเขียนไว้อย่างนั้น นิตยสาร Bustle รายงาน
คลื่นว้าวุ่นว่าด้วยที่มาของพระธำมรงค์หมั้นบนพระอนามิกาของเจ้าหญิงเคท สามารถจบลงได้หากนำสกู๊ปของวานิตีแฟร์มาประกอบการพิจารณา โดยสกู๊ปดังกล่าวเล่าไว้ว่านาฬิกาคาทิเอร์ ตองค์มีความหมายต่อเจ้าชายวิลเลียมเป็นอย่างยิ่ง ในหลายๆ ปีหลังจากมรณกรรมของเจ้าหญิงไดอานา ผู้คนมักที่จะได้เห็นพระโอรสวิลเลียมทรงผูกนาฬิกาคาทิเอร์ ตองค์ของพระมารดา ติดพระกรเสมอ
แม้แต่ในปี 2000 หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายจากวิทยาลัยอีตัน และทรงใช้เวลาตระเวนศึกษาโลกกว้างเกือบหนึ่งปี เช่น ทรงเข้าร่วมโปรแกรมราลลี อินเตอร์เนชั่นแนล และทรงได้ปฏิบัติงานในเมืองตอร์เตล ทางใต้ของประเทศชิลี ช่วงปลายปี 2000 นั้น พระองค์ทรงมีคาทิเอร์ ตองค์ของพระมารดาติดพระกรในภาพถ่ายต่างๆ
วานิตีแฟร์นำเสนอเพิ่มเติมว่า มีรายงานข่าวออกมาในปี 2009 ซึ่งเล่าถึงความเคลื่อนไหวในส่วนของเจ้าชายวิลเลียมว่า ทรงขอปรินซ์แฮร์รีแลกนาฬิกากับพระธำมรงค์แซฟไฟร์
แม้คลื่นว้าวุ่นในส่วนของพระธำมรงค์แซฟไฟร์น้ำงามสีน้ำเงิน น่าจะถือได้ว่าเคลียร์แล้ว แต่คลื่นว้าวุ่นในรังสีพิโรธของปรินซ์แฮร์รีต่อพระเชษฐาและพระเชษฐนีพี่สะใภ้ น่าจะยังระอุไปยาวๆ
กล่าวคือ หลังจากที่ปรินซ์ทรงใช้ข้อถกเถียงเรื่องพระธำมรงค์ประกาศให้โลกทราบความรู้สึกของพระองค์ว่า โมเมนต์อันเปี่ยมด้วยรักในระหว่างพี่น้อง และโมเมน์ความผูกพันระหว่างตัวพระองค์ พระเชษฐาวิลเลียม และพระเชษฐนีเคท ไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ในด้านของเจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ก็มักตกเป็นข่าวว่าทรงถอดใจกับพระอารมณ์เหวี่ยงของพระอนุชา และดังนั้น จึงทรงเดินนโยบายเดิม อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ นิตยสารแทตเลอร์ พีเพิล ทาวน์แอนด์คันทรี เดอะการ์เดียน ดิเอ็กซ์เพรส เว็บไซต์แมกาซีน Bustle)